"จีนเทายังไม่ตาย" ขุมกำลังใกล้ชายแดนไทยยังไม่ปิด แถมยังขยายกิจการสแกมเมอร์

ฐานที่มั่นสำคัญของธุรกิจของกลุ่ม 'จีนเทา' ในเมียนมาประชิดกับชายแดนไทย นั่นคือ 'เมืองย่าไท่' (亚太城) ที่ชเวก๊กโก เมืองเมียวดี รัฐกระเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ยังไม่ปิดการดำเนินการธุรกิจอาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยดินแดนแห่งนี้ที่ดำเนินการโดยกลุ่มย่าไท่ หรือ Yatai International Holding Group โดย 'เสอจื้อเจียง' จีนเทาตัวพ่อที่ถูกทางการไทยควบคุมตัวเอาไว้ 

ล่าสุดจากการรายงานข่าวของสื่ออิสระของเมียนมา คือ Mizzima ที่ระบุว่า แม้ว่า 'เมืองย่าไท่' จะประกาศหยุดดำเนินการทั้งหมดใน 'เมืองย่าไท่' หรือ 'ชเวก๊กโกเมืองใหม่'  ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อ. แม่สอดของไทย ไปแล้ว แต่พนักงานรายงานว่ากิจกรรมต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไปชเวก๊กโกหรือเมืองย่าไท่

ตรงกันข้าม พนักงานบริษัทรายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย บอกกับสำนักข่าว Mizzima ว่า Yatai International กำลังรับสมัครพนักงานใหม่และขยายธุรกิจอย่างแข็งขันอีกด้วย 

พนักงานคนดังกล่าวกล่าวเผยว่า “กองกำลังป้องกันชายแดน (BGF) ได้ติดประกาศไวนิลเมื่อเดือนพฤษภาคมเพื่อประกาศการปิด (เมืองย่าไท่) แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขากำลังขยายกิจการ จ้างพนักงานเพิ่ม และสร้างอาคารใหม่” 

ข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ก็คือ เมื่อวันที่ 4 กันยายน Yatai International ได้ประกาศว่ากิจกรรมทั้งหมดในโครงการชเวก๊กโกเมืองใหม่ถูกระงับไปแล้ว โดยประกาศดังกล่าวอ้างถึงแรงกดดันจากนานาชาติและคำร้องขอจากรัฐบาลเมียนมา (หรือ KNA เดิมชื่อ BGF เป็นพันธมิตรของทหารเมียนมามาก่อน) เป็นเหตุผลในการหยุด "กิจกรรมการพัฒนาภูมิภาค" ทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด โดยระบุแผนการยุติการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน

แถลงการณ์ดังกล่าวยังแนะนำให้ผู้ประกอบการและพนักงานทุกคน รวมถึงผู้ที่อยู่ในเมืองย่าไท่ และคนอื่นๆ ในชเวก๊กโกออกจากเมืองอย่างถาวรภายในวันที่ 20 กันยายน

อย่างไรก็ตาม นอกจากการเปิดเผยของพนักงานดังกล่าวที่ระบุว่ากิจการยังดำเนินต่อไปแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูงซึ่งไม่เปิดเผยชื่อบอกกับ Mizzima ว่าพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางออนไลน์ได้ย้ายไปยังอาคารใหม่นอกบริเวณเมืองย่าไท่แล้ว แต่ไม่ทราบว่าถูกย้ายไปยังที่ใด 

ใครได้ผลประโยชน์จาก'เมืองย่าไท่' 
จากแหล่งข้อมูลบางแห่งอ้างว่า 'เมืองย่าไท่' ในเขตชเวก๊กโกได้รับการจัดตั้งโดยกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA (ก่อนหน้านี้ชื่อว่า Karen BGF) กับบริษัท Yatai International ของ เสอจื้อเจียง ที่เปิดบริษัทนี้ที่ฮ่องกงเมื่อปี 2017 โดย 'เมืองย่าไท่' มีมูลค่าตลาด 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ   

ในเวลานั้น Karen BGF หรือ KNA (ต่อไปนี้จะเรียกว่า BGF/KNA) ยังเป็นพันธมิตรกับกองทัพเมียนมา โดยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2016 ได้มีการลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลเมียนมา (ในเวลานั้นยังเป็นรัฐบาลพลเรือน) ต่อมา ในปี 2018  Yatai International ได้ลงทุน 35,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานบนพื้นที่รกร้างในชเวก๊กโก เพื่อทำให้โครงการนี้เป็น "สนามทดสอบ" ที่สำคัญสำหรับการปฏิรูปและการเปิดประเทศเมียนมา 

บริษัท Chit Linn Myaing ของ BGF/KNA จะได้รับกำไร 30% จากการพัฒนาครั้งนี้ โดยกำไรที่เหลือจะมอบให้กับ Yatai International 

อย่างก็ไตาม 'เมืองย่าไท่' ที่ชเวก๊กโกกลายเป็นเมืองแห่งการทำธุรกิจอาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์และการหลอกลวงออนไลน์ หรือ 'สแกมเมอร์' เนื่องจากโดยเนื้อแท้แล้ว Yatai International เป็นธุรกิจการพนันออนไลน์ระดับภูมิภาค

จากการรายงานของ Frontier Myanmar สื่ออิสระในเมียนมา ระบุว่า BGF/KNA ที่เคยเป็นพันธมิตรกับกองทัพเมียนมา แต่ต่อมาแยกตัวจากกองทัพในช่วงที่กองทัพเมียนมาเพลี่ยวพล้ำจากการถูกรุกหนักโดยกองกำลังชนกลุ่มน้อยๆ ต่างๆ โดยเพาะกลุ่ม 'พันธมิตรสามภราดรภาพ' และกลุ่มต่อต้านเผด็จการ PDF การแยกตัวของ BGF/KNA

หลังการแยกตัวไม่นาน แหล่งข่าวของ BGF/KNA กล่าวว่า รองพลเอกอาวุโส โซ วิน นายทหารระดับสูงของเทียนมา ซึ่งถูกมองว่าเป็น "หมายเลขสอง" รองจาก หมินอ่องหล่าย ได้ร้องขอให้ BGF อยู่ข้างรัฐบาลทหารต่อไป และยังเรียกร้องอีกด้วยว่า BGF/KNA "จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันหรือการฉ้อโกงที่ผิดกฎหมาย ให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบชเวก๊กโกและพื้นที่อื่นๆ ของเมืองเมียวดีว่ามีกิจกรรมผิดกฎหมายหรือไม่ หากได้รับการร้องขอ"

Frontier Myanmar รายงานว่า ตั้งแต่ในยุคของรัฐบาลพลเรือนแล้วที่รัฐบาลประกาศการสอบสวนชเวก๊กโกในปี 2020 กองทัพได้เรียกร้องให้ผู้นำ BGF/KNA  ยุติการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันผิดกฎหมายหรือลาออก แต่สถานการณ์เปลี่ยนไป เมื่อกองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ทำให้ชนกลุ่มน้อยต่างๆ พากันต่อต้าน รวมถึงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับ BGF/KNA ทำให้กองทัพเมียนมาต้องปล่อยให้ BGF/KNA ยังสามารถุคงควบคุมเศรษฐกิจผิดกฎหมายในชเวก๊กโกได้เพื่อแลกกับการสนับสนุนในสนามรบกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างๆ 

จนกระทั่งสถานการณ์เปลี่ยนอีกครั้งเมื่อ BGF/KNA ถอนตัวจาการสนับสนุนกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2024 แต่การถอนตัวนี้ทำให้ BGF/KNA จะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากรัฐบาลทหารเมียนมาอีก ดังนั้น BGF/KNA จะต้องหาแหล่งทุนเพื่อเลี้ยงตัวเอง นั่นคือการเก็บภาษี และอาจรวมถึงการปล่อยให้ธุรกิจในเมืองย่าไท่ดำเนินต่อไปอย่างที่มีรายงานบ่งชี้จาก Mizzima

มีรายงานจาก Frontier Myanmar ว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Yatai International "ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจหลักของ BGF" กล่าวว่าพนักงานทุกคนจะต้องชำระค่าธรรมเนียมครั้งเดียวจำนวน 8,890 บาท ตามด้วยภาษีปกติอีก 1,000 บาทต่อเดือน

ข้อมูลปัจจุบัน ไม่ทราบว่าชะตากรรมของ เส้อจื้อเจียง บอสใหญ่แห่ง Yatai International เป็นแบบไหน แต่ข้อมูลสุดท้ายคือ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2022 เขาถูกจับกุมในประเทศไทย โดยที่ทางการไทยไม่ได้แจ้งว่ากระบวนการจับกุมของเขาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ปัจจุบัน เชื่อว่าเขาอาจจะยังอยู่ในเรือนจำของไทย

ทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ภาพโปสเตอร์ของ เสอจื้อเจียง เจ้าของ Yatai International ในงาน “สวดมนต์ขอพรให้หวนกลับคืนและแสดงความกตัญญู” – ประชุมพุทธศาสนิกชนสวดภาวนาขอให้เซ่อจื้อเจียงกลับคืนสู่บ้านอย่างปลอดภัย / 大美亚太 / Youtube

TAGS: #จีนเทา #亚太城