'อิสราเอล'เปิดศึกสองด้านเจองานหิน บุกถิ่น'ฮิซบอลเลาะห์'ในพื้นที่ที่รบได้ยาก

'อิสราเอล'เปิดศึกสองด้านเจองานหิน บุกถิ่น'ฮิซบอลเลาะห์'ในพื้นที่ที่รบได้ยาก

ขณะที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางบกครั้งที่สี่ในเลบานอนตอนใต้ในรอบ 50 ปี กองกำลังของอิสราเอลต้องเผชิญกับพื้นที่ขรุขระที่เต็มไปด้วยวัตถุระเบิดและเต็มไปด้วยที่หลบซ่อนที่ทหารรุ่นก่อนๆ เคยต่อสู้ดิ้นรนกันมา

หลังจากโจมตีกาซามาเกือบปี กองกำลังอิสราเอลได้เริ่มโจมตีทางบกแบบ "เจาะจง" ในวันที่ 30 กันยายน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขับไล่กลุ่มนักรบฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่โจมตีอิสราเอลทางตอนเหนือในช่วงปีที่ผ่านมา

การตัดสินใจดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงว่าอิสราเอลมีความคิดแบบไหนที่ตัดสินใจเปิดแนวรบที่สอง และต้องเผชิญกับความท้าทายทางภูมิศาสตร์ของเลบานอน ที่แตกต่างจากสภาพแวดล้อมแบบชุมชนเมืองในที่ราบเรียบและมีประชากรหนาแน่นอย่างฉนวนกาซา

โจนาธาน คอนริคัส ซึ่งเคยต่อสู้ในเลบานอนและเคยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานอิสราเอลกับกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติระหว่างปี 2009-2013 กล่าวว่าภูมิประเทศนั้น “แตกต่างอย่างมาก” และก่อตัวเป็นเขตสู้รบที่ “ใหญ่กว่าหลายเท่า”

“ภูมิประเทศนั้นท้าทายมากสำหรับกองกำลังรุกราน และสะดวกสำหรับศัตรูอย่างฮิซบอลเลาะห์” คอนริคัส อดีตโฆษกกองทัพที่ปัจจุบันทำงานให้กับมูลนิธิเพื่อการป้องกันประชาธิปไตย (Foundation for Defense of Democracies) ในกรุงวอชิงตัน กล่าวกับ AFP 

“ภูมิประเทศยังเปิดทางให้ศัตรูใช้ขีปนาวุธต่อต้านรถถังและระเบิดแสวงเครื่องโจมตีกองทัพทั่วไปได้หลายวิธี” เขากล่าวเสริม โดยอ้างถึงอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง

มิริ ไอเซน ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอิสราเอลในเลบานอน ยังสามารถจดจำเนินเขาสูงชันและหุบเขาที่เธอพบระหว่างการรุกรานของอิสราเอลในปี 1978 ได้

“ทันทีที่คุณข้ามพรมแดน คุณจะลงและขึ้นอย่างรวดเร็ว” ไอเซน ซึ่งปัจจุบันทำงานที่สถาบันต่อต้านการก่อการร้ายแห่งมหาวิทยาลัยไรช์มันของอิสราเอล กล่าวกับเอเอฟพี

“มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่สามารถใช้เป็นที่ซ่อนตัวได้ และมีพื้นที่ที่คุณไม่สามารถขับรถผ่านไปได้ และการเดินผ่านไปก็ยากเช่นกัน” เธอเล่า

นักวิเคราะห์เชื่อว่าฮิซบอลเลาะห์สร้างเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่ซับซ้อนซึ่งเจาะลึกเข้าไปในเนินเขา โดยมีช่องเปิดที่ซ่อนอยู่ภายในบ้านและในสถานที่อื่นๆ

- 'ติดกับดักหายนะ' -
สงครามหลายครั้งของอิสราเอลในเลบานอนมีวัตถุประสงค์เดียวกันเสมอมา นั่นคือการจัดการกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่ชายแดนทางเหนือ แต่กลับก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ขัดแย้งกันอย่างมาก

หลังจาก "ปฏิบัติการลิตานี" (Operation Litani) เพื่อต่อต้านองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) ในปี 1978 กองทหารอิสราเอลได้บุกโจมตีเลบานอนในอีกสี่ปีต่อมาเพื่อปฏิบัติการ "สันติภาพเพื่อกาลิลี" (Peace for Galilee) ที่มีขอบเขตกว้างขึ้น โดยโจมตี PLO อีกครั้ง

การบุกโจมตีครั้งนั้นทำให้อิสราเอลปิดล้อมกรุงเบรุตเป็นเวลาสั้นๆ และทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 คนภายในสิ้นปีเดียวกัน กองทหารอิสราเอลยึดครองภาคใต้ของประเทศเป็นเวลา 18 ปี

ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเองที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นอิสลามชีอะห์ได้ก่อเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน

หลังจากที่อิสราเอลถอนทัพ เหตุการณ์รุนแรงหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ก็ตามมา จนกระทั่งถึงการรุกทางบกและสงครามอีกครั้งในปี 2549

ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งถูกลอบสังหารในการโจมตีทางอากาศเมื่อวันที่ 27 กันยายน ได้ประกาศ "ชัยชนะอันศักดิ์สิทธิ์" ในสงครามปี 2549 ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นความล้มเหลวของอิสราเอล โดยอิสราเอลสูญเสียกำลังคนไป 160 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหาร

สงครามที่กินเวลานาน 33 วันยังคร่าชีวิตชาวเลบานอนไป 1,200 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

ในสุนทรพจน์สุดท้ายก่อนถูกสังหารไม่กี่วัน นาสรัลเลาะห์ได้เตือนศัตรูตัวฉกาจของเขาเกี่ยวกับอันตรายจากการพยายามสร้างเขตกันชนในเลบานอนตอนใต้

“เข็มขัดนิรภัยแห่งนี้จะกลายเป็นหล่มโคลน กับดัก การซุ่มโจมตี เหวลึก และนรกสำหรับกองทัพของคุณ หากคุณต้องการมายังดินแดนของเรา” เขากล่าวเตือนเมื่อวันที่ 19 กันยายน

จนถึงขณะนี้ หลังจากการสู้รบเกือบสองสัปดาห์ มีทหารอิสราเอลเสียชีวิตไปแล้ว 14 นาย ตามการคำนวณของ AFP ซึ่งอ้างอิงจากตัวเลขอย่างเป็นทางการของอิสราเอล

- ผ่านการสู้รบมาอย่างโชกโชน -
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าทั้งกองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต่างก็เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่การเผชิญหน้าอย่างเปิดเผยครั้งล่าสุด

นักวางแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพอิสราเอลพิจารณาความพ่ายแพ้ในปี 2549 ก็เพื่อให้บทเรียนเพื่อเรียนรู้

“กองทัพอิสราเอลติดตามภัยคุกคามจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์มาหลายปีแล้ว และมีเวลาอีก 11 เดือนที่ผ่านมาในการเตรียมตัวขณะที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มฮามาส (ในฉนวนกาซา) ก่อนที่จะหันไปหากลุ่มฮิซบอลเลาะห์” ไอเซนกล่าว

อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เมื่อวันที่ 23 กันยายน โดยมีเป้าหมายที่บุคคลระดับสูงและแหล่งทิ้งอาวุธ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวพยายามทำลายองค์กรก่อนจะโจมตีภาคพื้นดิน

การยกระดับการโจมตีเกิดขึ้นหลังจากอุปกรณ์สื่อสารที่ติดกับดักซึ่งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายพันคน

การโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,200 คน ตามการนับตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนของ AFP ขณะที่องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานระบุว่าได้ยืนยันแล้วว่ามีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศประมาณ 690,000 คน

ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้รับประโยชน์จากการส่งมอบอาวุธจากอิหร่านมาหลายปี รวมถึงขีปนาวุธพิสัยไกล ขณะที่ทหารจำนวนมากของกองกำลังได้รับการฝึกฝนให้แข็งแกร่งหลังจากสู้รบในซีเรียเพื่อสนับสนุนระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด

รับฮา อัลลัม จากศูนย์ศึกษาการเทืองและยุทธศาสตร์อัล อาห์รัม (Al-Ahram Center for Political and Strategic Studies) ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลเรื่องการเมืองและยุทธศาสตร์สถาบันวิจัยของอียิปต์ เน้นย้ำว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ปฏิบัติการแบบ "กระจายอำนาจ" เหมือนกับกองโจร ทำให้สามารถสู้กลับในภาคใต้ได้

เธอบอกกับ AFP ว่า "การสันนิษฐานว่าการโจมตีผู้นำและการสื่อสารของกลุ่มจะทำให้ขบวนการหยุดชะงักนั้น เป็นเรื่องผิด"

มูนิร์ เชฮาเดห์ อดีตผู้ประสานงานรัฐบาลเลบานอนของกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (UNIFIL) บอกกับ AFP ว่าฮิซบุลเลาะห์มีขีปนาวุธต่อต้านรถถังและอาวุธอื่นๆ จำนวนมาก

"นี่คือสิ่งที่ฮิซบอลเลาะห์พึ่งพาอย่างมากในการหยุดยั้งการรุกคืบของรถถัง (ของอิสราเอล) พวกเขาไม่ได้ใช้งานมันเลย พวกเขาพึ่งพาการซุ่มโจมตี กับดัก และวัตถุระเบิดเพื่อต่อต้านกองกำลังที่รุกคืบ" เขากล่าว

- ยูเอ็นเตือนเปิดศึกสองด้าน -
เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของ UN ในเลบานอนเตือนเมื่อวันเสาร์ว่าอาจเกิดความขัดแย้งในภูมิภาคที่ "เลวร้าย" ขณะที่กองกำลังอิสราเอลต่อสู้กับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ และ ฮามาส ในสองแนวรบ 

โดยเมื่อวันศุกร์ อิสราเอลเผชิญกับคำวิจารณ์จากสหประชาชาติ แม้แต่จากพันธมิตรตะวันตก และกลุ่มอื่นๆ หลังจากที่อิสราเอล "ยิงไปถูก" ฐานที่มั่นรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน

ผลก็คือกองกำลังอาสาสมัครชาวศรีลังกา 2 นายได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 วัน ยูนิฟิลกล่าวเมื่อวันศุกร์

กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าทหารได้ตอบสนองต่อ "ภัยคุกคามเร่งด่วน" ที่อยู่ห่างจากฐานทัพกองกำลังเฉพาะกาลของสหประชาติในเลบานอน (UNIFIL ) ในนาคูราประมาณ 50 เมตร (165 ฟุต) และให้คำมั่นว่าจะดำเนินการ "ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน"

ฌอน แคลนซี เสนาธิการทหารของไอร์แลนด์กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าว "ไม่ใช่การกระทำโดยบังเอิญ" และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสกล่าวว่าเขาเชื่อว่ากองกำลังรักษาสันติภาพถูก "โจมตีโดยเจตนา"

ทั้งสองประเทศเป็นผู้สนับสนุนกองกำลังของ UNIFIL

เมื่อวันเสาร์ ประเทศผู้สนับสนุน 40 ประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าพวกเขา "ประณามการโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพเมื่อเร็วๆ นี้อย่างหนักหน่วง"

จนถึงขณะนี้ ความพยายามในการเจรจายุติสงครามในเลบานอนยังคงล้มเหลว

นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาติของเลบานอนกล่าวว่ารัฐบาลของเขาจะขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมติใหม่เรียกร้องให้ "หยุดยิงโดยสมบูรณ์และทันที"

แต่จอร์แดนเรียกร้องให้มีมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและยุติการปล่อยให้อิสราเอล "ลอยนวลพ้นผิด" โดยระบุว่าต้องตราบทที่ 7 ของสหประชาชาติ "เพื่อบังคับ" ให้อิสราเอลปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ

มาครงย้ำเรียกร้องให้หยุดยิงและกล่าวว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต้อง "หยุด" โจมตีอิสราเอลทันที

เพื่อแสดงการสนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งอิหร่านให้การสนับสนุนด้านอาวุธและเงินทุน ประธานรัฐสภาอิหร่าน โมฮัมหมัด บาเกอร์ กาลิบาฟ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมพื้นที่ที่อิสราเอลโจมตีจนมีผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่ วาฟิก ซาฟา หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของกลุ่ม ซึ่งทั้งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลต่างก็ยืนยันเช่นนั้น

การเยือนของกาลิบาฟ ซึ่งเป็นสัญญาณการท้าทายของเตหะราน เกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลให้คำมั่นว่าจะตอบโต้การโจมตีโดยตรงครั้งที่สองของอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มเมื่อเดือนเมษายน

- เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพจะประจำการอยู่ต่อ -
ในการให้สัมภาษณ์กับ AFP อันเดรีย เตเนนตี โฆษกของ (UNIFIL) กล่าวว่าเขาหวั่นเกรงว่าการที่อิสราเอลยกระดับการปราบปรามกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อาจกลายเป็น "ความขัดแย้งในภูมิภาคที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทุกคน" ในไม่ช้า

เตเนนตีกล่าวว่า "ไม่มีทางแก้ไขทางการทหาร"

UNIFIL กล่าวว่าเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพ 5 นายได้รับบาดเจ็บระหว่างการสู้รบในเลบานอนตอนใต้ในช่วง 2 วัน และเตเนนตีกล่าวว่า "เจ้าหน้าที่ที่นั่นได้รับความเสียหายจำนวนมาก"

แต่เขากล่าวเสริมว่า "มีการตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ที่จะประจำการอยู่ต่อ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ธงสหประชาชาติจะต้องยังคงโบกสะบัดอยู่สูงในภูมิภาคนี้ และเพื่อที่จะสามารถรายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงได้"

Report by Agence France-Presse

Photo - (TOPSHOT) - ผู้คนเดินผ่านซากปรักหักพังของอาคารที่บริเวณที่อิสราเอลโจมตีย่านบาสตาในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2024 กระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 รายจากการโจมตีของอิสราเอลในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นใจกลางกรุงเบรุตเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม โดยแหล่งข่าวความมั่นคงระบุว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์คือเป้าหมาย (ภาพโดย AFP)

TAGS: #อิสราเอล #เลบานอน #ฮิซบอลเลาะห์