ทำไม The Icon ใช้ USDT คริปโทยอดนิยมของบรรดา'ธุรกิจมืด'และ'จีนเทา'

ทำไม The Icon ใช้ USDT คริปโทยอดนิยมของบรรดา'ธุรกิจมืด'และ'จีนเทา'

คริปโทเคอร์เรนซี่ที่เรียกว่า USDT อยู่ในความสนใจ (และสงสัย) ของคนไทยหลังจากที่มีข่าวว่า The Icon ธุรกิจขายตรงที่กำลังถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องความไม่โปร่งใส ได้ทำธุรกรรมผ่าน USDT เป็นเงินหลายล้านบาท แต่ว่า USDT คืออะไรกันแน่ และทำไมมันถึงถูกใช้โดย "ธุรกิจแบบนี้"?

อีกชื่อหนึ่งของ USDT ก็คือ Tether เป็นสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี่ที่ใช้ระบบ Stablecoin คือประเภทของคริปโทเคอร์เรนซี่ที่มูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะถูกผูกไว้กับสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งอาจเป็นสกุลเงินที่ใช้กันในระบบเศรษฐกิจทั่วไป (Fiat money เช่น เงินดอลลาร์ เงินยูโร เงินบาท ฯลฯ) และยังสามารถผูกติดมูลค่าสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (เช่น โลหะมีค่าหรือโลหะอุตสาหกรรม) หรือสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี่อื่นๆ

ดังนั้น ในทางทฤษฎีก็คือ Stablecoin จะมีมูลค่า 1:1 กับสินทรัพย์อ้างอิงทำให้มูลค่าของ Stablecoin เคลื่อนไหวตามมูลค่าของการตรึงราคากับสกุลเงินหลักของโลกหรือสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ ที่มักจะมีความั่นคงสูง และมูลค่าจะไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนกับคริปโทเคอร์เรนซี่อื่นๆ ที่มักจะขึ้นลงอย่างสุดหวี่ยง (เช่น Bitcoin) อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ผู้ที่ออก Stablecoin ยังคงต้องพิสูจน์ว่าสามารถรักษาสำรองที่เพียงพอเพื่อสนับสนุนมูลค่าที่เสถียรของมูลค่า 

แล้ว USDT ต่างจากคริปโทอย่างไร?
ตัวอย่างของ Stablecoin ที่เป็นที่นิยมกันก็เช่น  USDT หรือ Tether ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทเทเทอร์ (Tether Limited) เพื่อทำหน้าที่เป็น Digital Dollar ที่ใช้กันในอินเทอร์เน็ต โดยโทเค็นแต่ละอันมีมูลค่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการหนุนด้วยเงินสำรองทางกายภาพมูลค่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ หมายความว่า 1 โทเค็น (เหรียญ) ของ Tether เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นมันจึงได้ชื่อว่า USD (ดอลลาร์สหรัฐ) ของเทเทอร์ (T)เพียงแต่สิ่งที่ต่างไปคือมันไม่ใช่เงิน USD ที่เป็นเงินจริงๆ ที่จับต้องได้ในระบบ (Fiat money) แต่เป็นเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)

เนื่องจาก Stablecoin จะต้องอิงกับทุนสำรองเงินตราจริงๆ การเผยตัวเลขเงินสำรองจำงป็นสิ่งจำเป็น ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2024 Tether/USDT รายงานว่ามีเงินสำรอง 118,400 ล้านดอลลาร์ รวมถึงเงินสำรองส่วนเกิน 5,300 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่สองของปี 2024 บริษัททำกำไรได้ 1,300 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มีกำไรรวม 5,200 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีบริษัท Tether Limited ยังเปิดเผยมูลค่าสุทธิของสินทรัพย์สุทธิ 11,900 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลแบบเสถียรเกิน 114,000 ล้านดอลลาร์

อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ จึงทำให้ Tether/USDT เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด โดยครองส่วนแบ่งการตลาด 70% ในกลุ่มสกุลเงิน Stablecoin และในปี 2019 Tether ได้แซงหน้า Bitcoin และกลายมาเป็นสกุลเงินคริปโทฯ ที่มีการซื้อขายสูงสุดทั่วโลก และ ณ เดือนกรกฎาคม 2024 Stablecoin มีผู้ใช้มากกว่า 350 ล้านคนทั่วโลก

แต่ Tether/USDT มั่นคงจริงไหม?
อย่างไรก็ตาม บริษัท Tether Limited และสกุลเงินของพวกเขาถูกตั้งคำถามเรื่องความความโปร่งใสของเงินสำรองที่พวกเขาครอบครองอยู่ แต่ในเดือนมกราคม 2024 ฮาวเวิร์ด ลัตนิค (Howard Lutnick) ซีอีโอของ Cantor Fitzgerald บริษัทการลงทุนที่มีชื่อสียงของสหรัฐฯ กล่าวว่าบริษัทของเขาได้ตรวจสอบสินทรัพย์ของ Tether และยืนยันว่า Tether ถือครองสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 86,000 ล้านดอลลาร์เพื่อรองรับสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 83,000 ล้านดอลลาร์ เงินสำรองส่วนใหญ่ของ Tether ที่ถืออยู่ในรูปเงินสดและในรูปของเทียบเท่าเงินสดคือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Treasury Bills) คิดเป็นมูลค่า 72,600 ล้านดอลลาร์ โดยในไตรมาสที่สองของปี 2024 Tether รถือครองพันธบัตรสหรัฐมูลค่าเกือบ 98,000 ล้านดอลลาร์ โดยมูลค่าระดับนี้ หาก Tether เป็นประเทศ ก็จะเป็นผู้ถือครองหนี้สหรัฐรายใหญ่เป็นอันดับ 18 เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก 

ทำไม Tether/USDT จึงพัวพันโลกมืด?
ในเอกสารวิชาการที่มีชื่อว่า How Do Crypto Flows Finance Slavery? (กระแสคริปโทหนุนธุรกรรมการเงินให้กับการค้าทาสอย่างไร?)เอกสารนี้เขียนร่วมโดย จอห์น กริฟฟิน (John Griffin) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านการเงินที่วิทยาลัยธุรกิจ แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส กับเควิน เมย์ (Kevin Mei) นักศึกษาปริญญาโท รายงานระบุว่ากำไรที่มิชอบของเหล่ามิจฉาชีพนั้น “ถูกถอนออกจากเครือข่ายคริปโตในปริมาณมาก โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของ Tether/USDT ผ่านบริษัทแลกเปลี่ยนที่ไม่โปร่งใสแต่มีขนาดใหญ่ เช่น Binance, Huobi [ปัจจุบันคือ HTX] และ OKX” จากปริมาณเกือบ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ที่จัดการโดยกระเป๋าเงินดิจิทัลของเหล่ามิจฉาชีพนั้น 84% ดำเนินการผ่าน USDT

รายงานระบุว่านโยบาย 'กระบวนการทำความรู้จักกับลูกค้า' (KYC ซึ่งกำหนดให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบตัวตน ความเหมาะสม) และกระบวนการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ที่หละหลวมของบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโดังกล่าวทำให้บริษัทเหล่านี้ "กลายเป็นช่องทางออกที่มีศักยภาพในการระดมทุนเพิ่มเติมสำหรับกิจกรรมทางอาชญากรรมจำนวนมาก" ที่น่าสังเกตคือ ผู้เขียนยังกล่าวเพิ่มเติมว่ากิจกรรมนี้ "ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2024 แม้จะมีการปราบปรามล่าสุด" (รวมถึงการยอมความมูลค่า 4,300 พันล้านดอลลาร์ของ Binance กับทางการสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว)

การใช้คริปโทพวกนี้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ 'จีนเทา' ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2024 หนังสือพิมพ์  Wall Street Journal  รายงานว่ากลุ่มอาชญากรชาวจีนที่ต้องการฟอกเงินที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ได้ใช้เงินคริปโทกันมากขึ้น 

รายงานของการวิจัยของกริฟฟิน อ้างอิงถึงการศึกษามากมายที่ประเมินต้นทุนของค่าคอมมิชชันการฟอกเงินข้ามพรมแดนที่ใช้สกุลเงินจริงๆ อยู่ระหว่าง 4-20% ในขณะที่ค่าคอมมิชชันการฟอกเงินที่ใช้สกุลเงิน USDT อยู่ที่เพียง 0.87% กล่าวอีกนัยหนึ่ง Tether/USDT เป็นส่วนสำคัญของระบบที่ "อำนวยความสะดวกในการไหลเวียนของเงินที่ถูกและง่ายดาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกสแกมเมอร์และการเป็นทาส (ทางการเงิน) ในยุคใหม่เกิดขึ้นได้"

ทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by Justin TALLIS / AFP

TAGS: #USDT #TheIcon