หลังจากข่าวคราวเรื่องความเกี่ยวพันระหว่างกองทัพเมียนมา กองกำลังต่อต้านเผด็จการ กับมหาอำนาจต่างๆ เงียบมานาน จู่ๆ ก็สถานกงสุลจีนในเมืองมัณฑเลย์ ประเทศเมียนมา ก็ถูกโยนระเบิดมือเข้าใส่ จนกระเบื้องหลังคาของอาคารสองชั้นได้รับความเสียหาย
เผด็จการทหารทัพเมียนมาโยนความผิดให้กับ "ผู้ก่อการร้าย" และรับปากว่าจะประสานงานการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่กงสุลจีน
แม้ว่าเผด็จการทหารเมีนมาจะบอกว่าเป็นฝีมือของ "ผู้ก่อการร้าย" แต่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม โฆษกกระทรวงต่างประเทศปักกิ่ง หลินเจี้ยน ยืนยันเหตุระเบิดว่าเกิดขึ้นจริง และเสริมว่า “จีนแสดงความตกใจอย่างยิ่งต่อการโจมตีครั้งนี้และขอประณามอย่างรุนแรง”
“จีนได้แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อฝ่ายเมียนมา” หลินเจี้ยน กล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยัง “เรียกร้องให้เมียนมาสอบสวนการโจมตีครั้งนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน” และ “ดำเนินการจับกุมและลงโทษผู้ก่อเหตุตามกฎหมาย”
รัฐบาลจีนยังเรียกร้องให้ทางการเมียนมา “เพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับสำนักงานกงสุลจีน สถาบัน โครงการ และบุคลากรในเมียนมาร์อย่างครอบคลุม และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”
ดูจากท่าทีของจีนแล้วดูเหมือนว่าจีนจะไม่ไว้เผด็จการทหารเมียนมาพอสมควร แม้ว่าเผด็จการทหารเมียนมาจะจัดเจ้าหน้าที่ความมั่นคงคอยรักษาความปลอดภัยสถานกงกุลจีนอยู่ตลอดก็ตามจากการรายวานของ The Irrawaddy แต่ก็ยังเกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ได้
เป็นที่ทราบกันว่า จีนใช้แนวทางประนีประนอมกับทั้งฝ่ายเผด็จการและฝ่ายต่อต้านเผด็จการ จากการรายงานของ AFP ที่อ้างนักวิเคราะห์กล่าวว่า จีนเป็นพันธมิตรหลักและเป็นซัพพลายเออร์อาวุธให้กับคณะรัฐประหารของเมียนมา แต่จีนยังคงรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อสู้กับกองทหารในรัฐฉานทางตอนเหนือของเมียนมาอยู่ด้วย
ดังนั้น จึงดูเหมือนว่าจีนสามารถ "ควบคุมความสัมพันธ์" และผลประโยชน์ในเมียนมาได้ในระดับหนึ่ง
แต่ในเวลานี้ จีนกำลังเผชิญกับ "พลังที่สาม" นั่นคือความไม่พอใจของประชาชนเมียนมา "ไม่ทราบฝ่าย"
จะว่าไม่ทราบฝ่ายก็ไม่เชิง เพราะเห็นได้ชัดว่าเป็นฝ่ายต่อต้านเผด็จการ แต่ก็ไม่ใข่ฝ่ายเดียวกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่จีนไปดีลด้วย คนกลุ่มนี้คือคนเมียนมาที่เป็น "กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย" ที่ไม่เอาทั้งเผด็จการและไม่ยอมให้ชนกลุ่มน้อยมีอำนาจปกครองตนเอง
ตัวอย่างเช่น มี มี วิน เบิร์ด (Miemie Winn Byrd) ชาวอเมริกันเชื้อสายพม่า เคยเป็นเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ปัจจุบันคือนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ได้เขียนบทความใน Indo-Pacific Defense เมื่อเดือนกันยายนว่า "การสนับสนุนของรัฐบาลจีนต่อคณะทหารเมียนมาจุดชนวนความไม่พอใจและการต่อต้านจากประชาชน"
มี มี วิน เบิร์ด ชี้ว่าการคบหลายๆ ฝ่ายของจีนในเมียนส่งผลให้ "จีนได้สร้างความแตกแยกให้กับประชาชนที่พยายามจะมีอิทธิพล โดยเอียงไปทางระบอบทหารที่คนพม่าส่วนใหญ่เกลียดชัง นอกจากนี้ แนวทางของจีนยังส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างจีนกับเมียนมา เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความขุ่นเคืองอย่างรุนแรงในประเทศ"
นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันเชื้อสายพม่าคนนี้ยังชี้ว่า "ชาวพม่ามีทัศนคติเชิงลบต่อรัฐบาลจีนมานานแล้วเนื่องจากนโยบายขูดรีดทรัพยากรธรรมชาติซึ่งทำลายสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต และวัฒนธรรมท้องถิ่น"
นี่คือทัศนะของนักวิเคราะห์ที่เป้นทั้งคนพม่าและคนอเมริกันและรู้เรื่องความมั่นคง (แบบตะวันตกฉ ซึ่งมองว่าจีนสร้างความเกลียดชิงในหมู่คนเมียนมา แต่มันเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่? อาจเป็นแบบนั้นเพียงส่วนเดียว เพราะยังมีอีกหลายมุมมองที่เรามองไม่เห็นเรื่องบทบาทของจีนในเมียนมา
ตัวอย่างเช่น วาทกรรมของสื่อตะวันตกมักจะระบุว่า "จีนเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่สนับสนุนเผด็จการทหารเมียนมา" แต่มักจะละเลยที่ระบุด้วยว่า "จีนยังติดต่อกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างๆ ในเมียนมา"
แต่จากทัศนะนี้ทำให้เราตระหนักได้ว่า การที่จีนสามารถถ่วงดุลฝ่ายเผด็จการและฝ่ายกองกำลังชนกลุ่มน้อยได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถควบคุม "มือที่มองไม่เห็น" ได้
ใครคือกลุ่มพวกนี้? ตอบว่าเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจตรงที่มัณฑเลย์เป็นพื้นที่สำคัญของประเทศ แต่ตอนนี้กลับถูกล้อมโดย "กลุ่มต่อต้านเผด็จการ" เช่น กลุ่ม MDY-PDF กลุ่มเหล่านี้ไม่ใช่กองกำลังชนกลุ่มน้อย แต่เป็นกองกำลังอิสระที่ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านเผด็จการทหารโดเฉพาะ เพียงแต่ทำการล้อมปริฒณฑลของมัณฑเลย์โดยการบัญชาการกองกำลังตะอาง หรือ TNLA
TNLA เป็นกลุ่มที่จีน "คุยด้วยยาก" และจีนเคยเตือนให้ยุดรบไปแล้วตั้งแต่ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยนายน แต่ล่าสุดยัง TNLA ยึดเส้นทางเชื่อมต่อจากเมียนมาตอนเหนือไปยังจีนอีกด้วย
เนื่องจากสถานการณ์เริ่มคาดเดาได้ยาก ตอนนี้จีนคงต้องระวังตัวมากขึ้นแล้ว เพราะมี "มือที่มองให้เห็น" เข้ามาปลุกปั่นสถานการณ์ ดังนั้นสถานกงสุลใหญ่จีนจึงได้ "ออกคำเตือนด้านความปลอดภัยสำหรับพลเมืองจีน บริษัท และสถาบันต่างๆ ในเมียนมา ให้เฝ้าระวังสถานการณ์ด้านความปลอดภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เสริมมาตรการรักษาความปลอดภัย และปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม"
ทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - สมาชิกกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) รวมตัวกันภายในฐานทัพทหารเมียนมาร์ที่ยึดมาได้ในเมืองสี่ป้อเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2024 นักรบจากกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เมียนมาได้ยึดเมืองอีกแห่งริมทางหลวงสายยุทธศาสตร์ไปยังจีน กลุ่มดังกล่าวและผู้อยู่อาศัยรายหนึ่งกล่าว ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุดอีกครั้งหนึ่งของกองทัพเมียนมา (ภาพโดย AFP)