ความพ่ายแพ้อีกครั้งของรัสเซีย เมื่อจุดยุทธศาสตร์'มอลโดวา'เลือกอยู่ข้างตะวันตก

ความพ่ายแพ้อีกครั้งของรัสเซีย เมื่อจุดยุทธศาสตร์'มอลโดวา'เลือกอยู่ข้างตะวันตก

ข้อมูลเบื้องต้น
มอลโดวา หรือ สาธารณรัฐมอลโดวา เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในยุโรปตะวันออก ตั้งอยู่บนมุมตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรบอลข่าน เดิมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต มีอาณาเขตติดกับโรมาเนียทางทิศตะวันตก และติดกับยูเครนทางทิศเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เดิมมีพื้นที่ติดกับรัสยูเครนทางตะวันออกเฉียงใต้ แต่มี 'รัฐทรานส์นีสเตรีย' ซึ่งแยกตัวออกไปโดยยังไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติแต่รัสเซียให้การรับรองและส่งทหารเข้าไปประจำการ และเป็นสาเหตุให้มอลโดวาขีดแย้งกับรัสเซีย 

มอลโดวาเป็นพื้นที่วัฒนธรรมและภาษาแบบโรมาเนียโดยพูดภาษาโรมาเนีย ซึ่งเป็นคนละกลุ่มวัฒนธรรมกับชาวรัสเซียและยูเครน แต่เมื่อสหภาพโซเวียตผนวกมอลโดวาเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ ก็ทำการเปลี่ยนดินแดนทรานส์นีสเตรียให้มีความเป็นรัสเซียมากขึ้นทั้งในแง่ชนชาติและภาษา ดังนั้น เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสหลาย จึงเกิดความพยายามแยกตัวของทรานส์นีสเตรียออกจากมอลโดวามาเป็นรัฐเอกราช

โดยเฉพาะช่วงสงครามทรานส์นีสเตรียปี 1990-92 รัสเซียได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการแก่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนทรานส์นีสเตรียออกจากมอลโดวา การแทรกแซงโดยตรงของกองทัพพิทักษ์ชาติที่ 14 ของรัสเซียที่ประจำการอยู่ในทรานส์นีสเตรียส่งผลให้การสู้รบยุติลง และเกิดรัฐทรานส์นีสเตรีย ซึ่งเป็นเอกราชจากมอลโดวาแต่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

รัสเซียทำให้มอลโดวาไม่ไว้ใจ
กรณีการแยกตัวของทรานส์นีสเตรียทำให้มอลโดวาเริ่มไม่ไว้ใจรัสเซีย ในขณะที่รัสเซียก็พยายามที่จะรักษาอิทธิพลของตนในดินแดนเดิมที่เคยเป็นสหภาพโซเวียตเพื่อสร้างแนวรับกับชาติตะวัตก คือ สหภาพยุโรปและนาโต้

รัสเซียพยายามแบ่งรับแบางสู้กับมอลโดวา โดยมีการทำบันทึกความเข้าใจมอสโกในปี 1997 ทั้งรัสเซียและมอลโดวาได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางทหาร ในปี 1999 มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยรัสเซียให้คำมั่นว่าจะถอนทหารและอาวุธออกจากมอลโดวาภายในสิ้นปี 2002 แต่การถอนทหารไม่เคยเกิดขึ้น 

ความสัมพันธ์ระหว่างมอลโดวาและรัสเซียเสื่อมถอยลงในเดือนพฤศจิกายน 2003 เนื่องจากข้อเสนอของรัสเซียในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในทรานส์นีสเตรีย ซึ่งทางการมอลโดวาปฏิเสธที่จะยอมรับ ในปี 2006 ความขัดแย้งทางการทูตส่งผลให้รัสเซียห้ามนำเข้าไวน์จากมอลโดวา ส่งผลให้อุตสาหกรรมไวน์ของมอลโดวาได้รับความเสียหายอย่างมาก เนื่องจากรัสเซียยังคงเป็นผู้นำเข้าไวน์จากมอลโดวารายใหญ่ที่สุด

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2015 หลังจากที่ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของรัสเซียเข้าร่วมขบวนพาเหรดทางทหารเพื่อเฉลิมฉลองการประกาศเอกราชของทรานส์นีสเตรีย รัฐบาลมอลโดวาได้เรียกการกระทำดังกล่าวว่า "ไม่เป็นมิตร"และระงับความสัมพันธ์ทางทหารกับรัสเซีย

หลังจากนั้น รัฐสภาของมอลโดวาถูกครอบงำโดยพรรคการเมืองที่สนับสนุนยุโรปซึ่งพยายามนำประเทศออกจากอิทธิพลของรัสเซียและขยับเข้าใกล้โรมาเนียและสหภาพยุโรป (EU) มากขึ้น ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับกรณีของยูเครน 

รัสเซียจะเสียมอลโดวาไม่ได้
เอกสารที่เขียนขึ้นในปี 2021 โดยสำนักงานความร่วมมือข้ามพรมแดนของ FSB ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านข่าวกรองของของรัสเซีย ชื่อว่า “วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของสหพันธรัฐรัสเซียในสาธารณรัฐมอลโดวา” กำหนดแผน 10 ปีในการทำให้มอลโดวาไม่มั่นคง โดยใช้การขู่กรรโชกด้านพลังงานเพราะมอลโดวาต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวทางการเมืองและชนชั้นนำในมอลโดวาที่เอนเอียงไปทางต่อรัสเซียและคริสตจักรออร์โธดอกซ์ของรัสเซียปฏิเสธแผนดังกล่าว 

หลังการรุกรานยูเครน ในเดือนสิงหาคม 2022 รัสเซียได้ห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรส่วนใหญ่จากมอลโดวา หลังจากที่รัสเซียอ้างว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมี "วัตถุอันตรายที่ต้องกักกัน" อย่างไรก็ตาม มีการคาดเดาว่าเหตุผลที่แท้จริงของการห้ามดังกล่าวเป็นเพราะมอลโดวาขอขยายเวลาการชำระเงินสำหรับการจัดหาแก๊สธรรมชาติจากรัสเซียในเดือนสิงหาคม ซึ่งรัสเซียมีประวัติการใช้การค้าเป็นอาวุธและใช้ความเป็นมหาอำนาจด้านพลังงาานในการกดดันเป้าหมาย เรื่องนี้สอดคล้องกับเอกสารแผนการบั่นทอนเสเถียรภาพในมอลโดวาด้วย 

ในเดือนเมษายน 2023 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา กล่าวว่ามอลโดวาได้กลายเป็นเครื่องมือของสหภาพยุโรป และคณะผู้แทนพลเรือนสหภาพยุโรปชุดใหม่ประจำมอลโดวา "ไม่น่าจะช่วยทำให้สถานการณ์ในประเทศและภูมิภาคมีความมั่นคงได้.. เราเห็นว่าสหภาพยุโรปกำลังพยายามอย่างหนักที่จะยึดพื้นที่หลังยุคโซเวียต"

แต่ในเดือนมิถุนายน 2023 อิกอร์ โกรซู ประธานรัฐสภาแห่งมอลโดวา ประกาศว่า มีแผนที่จะลดจำนวนนักการทูตในสถานทูตรัสเซีย โดยเสริมว่ารัสเซียประพฤติตนเหมือนจักรวรรดิที่พยายามขยายพรมแดน ไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เคยเคารพเพื่อนบ้านหรือประเทศอดีตสหภาพโซเวียตเลย

มอลโดวาเข้าหาตะวันตกจริงจัง
ได้มีการจัดประชามติทั่วประเทศในมอลโดวาเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2024 ในประเด็นคำถามว่า "คุณสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้สาธารณรัฐมอลโดวาเข้าร่วมสหภาพยุโรปหรือไม่" และเพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลในอนาคตเปลี่ยนแปลงประเทศไปจากวิถีที่สนับสนุนยุโรป ผลการลงประชามติปรากฏว่า 50.39% ตอบว่า "สนับสนุน"  และ 49.61% ตอบว่า "ไม่สนับสนุน"

อย่างไรก็ตาม เรื่องยังไม่จบแค่นั้น ในช่วงกลางเดือนตุลาคม มอลโดวาได้กล่าวหาว่ารัสเซียวางแผนที่จะขนส่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปยังหน่วยเลือกตั้งที่สถานทูตมอลโดวาในมอสโกเพื่อทำการเลือกตั้งนอกประเทศ เพื่อตอบโต้รัสเซีย สหภาพยุโรปได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบุคคล 5 คนและหน่วยงาน 1 แห่งที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการที่จะชี้นำผลการเลือกตั้งดังกล่าว ในขณะที่สหรัฐอเมริกาได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้เงิน "หลายล้านดอลลาร์" เพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบและเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางออนไลน์ กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียได้กล่าวหาว่ามอลโดวาพิมพ์บัตรลงคะแนนเพียง 10,000 ใบสำหรับชาวมอลโดวาที่มีสิทธิ์ 500,000 คนที่อาศัยอยู่ในรัสเซีย

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ทางการมอลโดวาได้ประกาศการค้นพบแผนการอีกครั้ง โดยกลุ่มทหารเอกชนในกรุงมอสโก เซอร์เบีย และบอสเนีย ที่จะใช้เยาวชน 100 คนฝึกฝนเพื่อปลุกปั่นความไม่สงบในสังคมมอลโดวา ซึ่งรวมถึงการใช้อาวุธที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายเพื่อสร้าง "ความวุ่นวายในหมู่มวลชน" ในระหว่างการเลือกตั้งและการลงประชามติ โดยบางคนได้รับเงินชดเชยหลายพันยูโร

แม้ว่าผลการลงประชามหติจะออกมาในทางเป็นประโยชน์กับสหภาพยุโรป แต่ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวว่า “เป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย” ว่าจำนวนคะแนนเสียง “สนับสนุน” ในการลงประชามติเข้าหาสหภาพยุโรป มีจำนวนมากกว่าจำนวนคะแนนเสียง “ไม่สนับสนุน” ซึ่งนำอยู่เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ก่อนที่จะมีการสรุปผลในที่สุด

Photo - เรนาโต อุซาตี ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและหัวหน้าพรรค "พรรคของเรา" กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนในการประชุมหาเสียงนอกรัฐสภามอลโดวาในเมืองคีชเนา เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2024 (ภาพถ่ายโดย Daniel MIHAILESCU / AFP)
 

TAGS: #รัสเซีย #มอลโดวา