อิสราเอลโจมตีอิหร่านแต่แค่เบาะๆ เพราะอาจรอจังหวะหลังเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 

อิสราเอลโจมตีอิหร่านแต่แค่เบาะๆ เพราะอาจรอจังหวะหลังเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 

เมื่อคืนนี้ อิสราเอลทำการโจมตีอิหร่านเพื่อ "ล้างแค้น" ในที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่าอิหร่านถึงกับเยาะเย้ยการโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย เพราะสร้างความเสียหายกับอิหร่านแค่เล็กน้อยเท่านั้น

การโจมตีทำให้ทหารอิหร่านเสียชีวิต 4 นาย ส่วนกองทัพป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) ระบุว่าได้โจมตีโรงงานผลิตขีปนาวุธและสถานที่อื่นๆ ใกล้กรุงเตหะรานและอิหร่านตะวันตก นั่นหมายความว่า อิสราเอลโจมตีเป้าหมาย แต่กลับให้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  

เจ้าหน้าที่อิหร่านเผยว่าสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดเตหะราน คูเซสถาน และอีลัม ถูกโจมตี กองทัพอ้างว่าสามารถตอบโต้การโจมตีได้สำเร็จ แม้ว่าจะมี "ความเสียหายเพียงเล็กน้อย" ในบางพื้นที่ก็ตาม

ก่อนหน้านี้ มีการขู่โจมตีโรงงานน้ำมันและนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจอิหร่านอย่างหนัด แต่อิสราเอลกลับเล็งเป้าหมายอื่นแทน แถมยังไม่ส่งผลเสียหายรุนแรงเหมือนกับที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล เรื่องนี้ทำให้ ชาวอิหร่านเย้ยอิสราเอลกันทั่วไป 

เช่น อิบราฮิม เรซาอี สมาชิกคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายต่างประเทศของรัฐสภา เขียนไว้ที่ X หลังจากการโจมตีไม่นานว่า “เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผมเดินทางเข้าสู่เตหะรานผ่านสนามบินเมห์ราบัด และเดินผ่านถนนหลายสาย ผมไม่เห็นอะไรผิดปกติ ศัตรูไซออนิสต์ (อิสราเอล) ก็เหมือนเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ส่งเสียงดังแต่ไม่มีค่าหรือผลใดๆ พวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะทำร้ายอิหร่านได้อย่างจริงจัง”

ในขณะที่ ฮิซาโมดดิน อาเชนา ที่ปรึกษาของฮัสซัน โรฮานี อดีตประธานาธิบดีอิหร่าน เขียนว่า “คุณเล่นกับหางสิงโต นี่ไม่ใช่ปาเลสไตน์ ไม่ใช่เลบานอน ไม่ใช่อิรัก ไม่ใช่อัฟกานิสถาน นี่คืออิหร่าน”

ส่วน ชาฮาเบดดิน ทาบาตาบาอี สมาชิกฝ่ายปฏิรูปของสภาข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลอิหร่าน เขียนไว้ในรายงานของเขาที่เว็บไซต์ X ว่า “การโจมตีของระบอบการปกครองปลอม (อิสราเอล) นั้นพ่ายแพ้ต่อระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการของประเทศ”

ท่าทีนี้แสดงว่าอิหร่านมั่นใจว่าอิสราเอลมีแสนยานุภาพที่จะต่อกรกับอิหร่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และระบบป้องกันขีปนาวุธของอิหร่านมีพลังเท่าเทียมกับระบบป้องกันขีปนาวุธของอิสราเอล แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่? 

เมื่อพิจารณาจากบริบททางต่างๆ ดูเหมือนว่า อิสราเอลจะทิ้งช่วงการโจมตีอิหร่านไว้นานเกินไป โดยกินเวลานานเกือบ 1 เดือน ซึ่งสะท้อนว่าหากอิสราเอลไม่ได้เผชิญกับข้อติดขัดทางยุทธศาสตร์ ก็น่าจะเผชิญกับข้อติดขัดทางการเมือง และน่าจะเป็นการเมืองระหว่างประเทศ เนื่องจากภายในประเทศอิสราเอลไม่มีสิ่งใดที่ขัดขวางความมุ่งมั่นที่จะโจมตีอิหร่านเพื่อล้างตาได้

สิ่งที่ทำให้อิสราเอลโจมตีเพียงเล็กน้อยและให้ผลเพียงเล็กน้อย อาจเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเวลาไม่ถึง 10 วันหลังจากนี้ ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการเมืองโลก และจะส่งผลสะเทือนอย่างมากต่อยุทธศาสตร์ระยะยาวของอิสราเอล 

และในสหรัฐฯ เองก็มีความพยาามของทุกฝ่ายที่จะควบคุมสถานการณ์ในตะวันออกกลางเอาไว้ก่อน เช่น มีรายงานจาก The New York Times ว่าทีความพยายามของคณะทีมของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (โดยเฉพาะ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) ที่จะควบคุมความไม่พอใจของผู้มีสิทธิออกเสียงในกลุ่มชาวมุสลิมและชาวตะวันออกกลางที่เล็งเห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มอบอาวุธให้อิสราเอลไปทำร้าย "พี่น้อง" ของพวกเขาในตะวันออกกลาง 

เราสามารถวิเคราะห์จากแนวนโยบายได้ว่ากลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงนี้เป็นกลุ่มที่เดโมแครตต้องการเสียด้วย แต่ไม่ใช่กลุ่มที่รีพับลิกันต้องการมานัก

The New York Times จึงชี้ว่า "[หาก] ไบเดนและรองประธานาธิบดีของเขา กมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต มีความหวังว่าฝ่ายที่ขัดแย้งกันจะเงียบเสียงปืนก่อนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ" แต่ความหวังนี้ดูเหมือนจะไร้ผล เพราะหากมีอเดโมแครตหวังแบบนั้น "ก็ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งชี้ว่าการเดินทางของบลิงเคน (ไปตะวันออกกลาง) จะสามารถปูทางไปสู่สิ่งนั้นได้ ส่วนเนทันยาฮูไม่มีแรงจูงใจที่ชัดเจนที่จะยุติสงครามใดๆ ก่อนการเลือกตั้ง"

แต่จากข้อมูลของ The New York Times ทำให้ทราบว่า "ความพยายามทางการทูตของรัฐบาลไบเดนล้มเหลว เนื่องจากเป้าหมายของรัฐบาลขัดกับเป้าหมายของทั้งเนทันยาฮูและ ซินวาร์ (หนึ่งในแกนนำฮามาส) และเนื่องจากไบเดนไม่เต็มใจที่จะกักอาวุธไว้กับอิสราเอลเพื่อใช้เป็นแรงกดดัน" จากข้อมูลนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ถอนการสนับสนุนอิสราเอลไม่ได้ และสั่งผู้นำอิสราเอลก็ไม่ได้ 

แต่แล้วทำไมอิสราเอลถึงทำการโจมตีล้างแค้นอิหร่านที่ล้มเหลวได้ขนาดนี้ทั้งๆ ที่สามารถ "เล่นใหญ่" ได้โดยไม่ต้องเกรงใจสหรัฐฯ 

อาจเป็นเพราะว่าน้ำหนักของเสียงที่รัฐบาลอิสราเอลต้องรับฟังไม่ใช่รัฐบาลไบเดนอีกต่อไป จากผลโพลล่าสุด พบว่าทั้ง กมลา แฮร์ริส และ โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนสูสีกันอย่างมาก จนอาจจะต้องไปลุ้นกันในวันเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยผลสำรวจจาก 538/ABC News พบว่า กมลา แฮร์ริส มีคะแนนิยม 48% ส่วน โดนัลด์ ทรัม มีคะแนนนิยม 47%

แต่เมื่อดูกราฟการขึ้นลงของคะแนนนิยมในระยะ 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่า กมลา แฮร์ริส มีคะนแนนิยมลดลงเรื่อยๆ ส่วน  โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ 

และจากผลสำรวจทิศทางในรัฐ swing state หรือรัฐที่พร้อมจะเหวี่ยงไปทางผู้สมัครคนใดก็ได้โดยไม่ภักดีต่อพรรคใดพรรคหนึ่ง พบว่า ในบรรดา swing state ทั้ง 7 รัฐ ทรัมป์ คว้าไปแล้ว 5 รัฐ รวมคะแนนคณะเลือกตั้ง 68 คะแนน ส่วน แฮร์ริส มีเพียง 2 รัฐ 25 คะแนน 

หากประเมิน ณ ขณะนี้ กระแสลมพัดไปทางทรัมป์ และทรัมป์มีนโยบายต่อิสราเอลที่คลุมเครือ โดยปากบอกว่าสนับสนุน (ด้านการเมืองให้) อิสราเอล แต่ไม่ต้องการสนับสนุนทางการเงินให้ นั่นหมายความว่า หากทรัมป์ชนะ อิสราเองจะทำสงครามแบบฟุ่มเฟือยได้ยาก 

ว่ากันตามทัศนะของ โยสซี เมลแมน นักข่าวชาวอิสราเอลผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และเป็นผู้เขียนร่วมของหนังสือ Spies Against Armageddon: Inside Israel’s Secret Wars ที่บอกกกับ The Guardian ว่า ทรัมป์นั้น “ประวัติของเขาไม่ได้สนับสนุนอิสราเอลมากนักในมุมมองของเนทันยาฮู ผมไม่ได้ตัดทิ้งว่าหาก [ทรัมป์] เป็นผู้เล่น เขาก็คงแค่พูดว่า ‘ไปตายซะ’” - นั่นแปลว่าทรัมป์จะไม่แยแสสงครามที่อิสราเอลกำลังทำในตะวันออกกลางเอาเลย

ในสถานการณ์ที่อิหลักอิเหลื่อแบบนี้ อิสราเอลจึงต้องทำการโจมตีอิหร่านแบบเบาะๆ ไปก่อน ดีกว่าจะทำการโจมตีครั้งใหญ่ไม่ได้ไปอีกนาน เพราะหากทำการโจมตีครั้งใหญ่แบบคราวที่แล้ว ซึ่งผลการล้างแค้นอิหร่านเมื่อเดือนพฤษภาคมค่อนข้างหนักกว่าที่อิหร่านโ๗มตีอิสราเอล การทำแบบนั้นจะทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางสั่นคลอนหลัก ยิ่งทำให้เดโมแครตไม่พอใจ และจะยิ่งเข้าทางรีพับลิกันที่จะชี้ให้เห็นว่าความวุ่นวายในตะวันออกกลางจากการโจมตีแบบไม่มีขีดจำกัดของอิสราเอล เป็นสิ่งที่บั่นทอนผลประโยชน์ของสหรัฐฯ 

อิสราเอลจึงไม่มีทางเลือก นอกจากรีบโจมตีเอาไว้ก่อน แต่ก็ทำรุนแรงไม่ได้ เพราะหากโจมตี "กล่องดวงใจ" ของอิหร่าน คือ อุตสาหกรรมน้ำมัน จะส่งผลต่อราคาน้ำมันโลกด้วย ใน และภาวะเงินเฟ้อรุนแรงจนรัฐบาลสหรัฐฯ ปวดหัวนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ปรารถนาที่สุด เพราะจะส่งผลต่อคะแนนเสียงของคนเกือบทุกหมู่เหล่าในระยะตัดเชือก 

แต่ถ้าไม่โจมตีเลย และทรัมป์มีโอกาสชนะ อิสราเอลก็จะไม่มีโอกาสทำอะไรรุนแรงได้มากกว่านี้อีกเพราะท่าทีของทรัมป์ต่อการช่วยทำสงครามนั้นชัดเจนแล้วอย่างที่เขาโพสต์ไว้ว่า 

“หากกมลาได้รับตำแหน่งอีก 4 ปี ตะวันออกกลางจะต้องเผชิญกับสงครามในอีก 4 ทศวรรษข้างหน้า และลูกๆ ของคุณก็จะต้องออกไปทำสงคราม หรืออาจถึงขั้นสงครามโลกครั้งที่ 3 เลยด้วยซ้ำ ซึ่งคงไม่มีวันเกิดขึ้นได้หากประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งอยู่” 

บทวิเคราะห์โดย กรกิจ ดิษฐาน บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ภาพนี้เผยแพร่โดยกองทัพอิสราเอลเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2024 แสดงให้เห็นเครื่องบินขับไล่ของอิสราเอลกำลังออกจากโรงเก็บเครื่องบินในสถานที่ที่ไม่เปิดเผยในอิสราเอล กองทัพอิสราเอลกล่าวเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมว่าได้โจมตีทางอากาศต่ออิหร่านสำเร็จแล้ว โดยระบุว่าได้โจมตีโรงงานผลิตขีปนาวุธ ระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ และขีดความสามารถทางอากาศอื่นๆ ของอิหร่านในหลายพื้นที่ของประเทศ (ภาพโดย AFP)

TAGS: #อิสราเอล #อิหร่าน