นี่คือ 7 รัฐที่จะชี้ชะตาว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ

นี่คือ 7 รัฐที่จะชี้ชะตาว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกันยุคใหม่

และในรัฐสำคัญไม่กี่แห่งที่เตรียมการเลือกตั้งในปี 2024 นั้นคะแนนเสียงระหว่างคู่แข่งแทบไม่ห่างกันเท่าไรเลย โดยที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้งแล้ว

ภายใต้รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศได้กำหนดให้รัฐทั้ง 50 รัฐจะมีอัตราคะแนนเสียงของตนเองการลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีที่แตกต่างกันไปเป็น

ภายใต้ระบบคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ที่มีความซับซ้อน รัฐแต่ละรัฐจะมี "ผู้เลือกตั้ง" (electors) จำนวนหนึ่งตามจำนวนประชากร รัฐส่วนใหญ่มีระบบผู้ชนะกินรวบ ซึ่งจะมอบผู้เลือกตั้งทั้งหมดให้กับผู้ที่ได้คะแนนเสียงส่วนมาก

เมื่อรวมคะแนนคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมดทั่วประเทศแล้ว ผู้สมัครต้องได้คะแนนเสียงจากผู้เลือกตั้ง 270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียงจึงจะชนะ การเลือกตั้งจึงมักจะตัดสินกันใน "รัฐคะแนนเสียงแกว่ง" (swing states) ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยมีประวัติว่ารัฐเหล่านี้จะสลับกันเลือกระหว่างผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต และไม่มีภักดีต่อผู้สมัครจากพรรคใดเป็นพิเศษ ซึ่งต่างจากรัฐอื่นๆ ที่คาดเดาได้ง่าย 

ปีนี้มีสนามรบใน "รัฐคะแนนเสียงแกว่ง" นี้ถึง 7 แห่ง และทุกแห่งล้วนแต่เป็นสนามที่คาดเดายาก นี่คือตัวอย่าง

เพนซิลเวเนีย (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 19 เสียง)
เพนซิลเวเนียเคยเป็นรัฐที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก แต่ในปัจจุบัน เดโมแครตไม่สามารถยึดที่มั่ในรัฐนี้ได้อีกต่อไปแล้ว แถมยังมีคะแนนนิยมสูสีที่สุดแห่งหนึ่ง

ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในสนามเลือกตั้งที่มีประชากรมากที่สุด โดยมีประชากร 13 ล้านคน ด้วยคะแนนเสียง 0.7% ในปี 2016 โจ ไบเดนคว้าชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 1.2%  ในปี 2020

เพนซิลเวเนียซึ่งเป็นที่รู้จักจากการเป็นที่ตั้งของบรรดาเมือง "Rust Belt" หรืออดีตเมืองอุตสาหกรรมที่เสื่อมโทรมลงมาก เช่น ฟิลาเดลเฟียและพิตต์สเบิร์ก เมืองเหล่านี้ประสบปัญหามานานหลายทศวรรษจากฐานการผลิตทางอุตสาหกรรมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทรัมป์และแฮร์ริสหาเสียงในรัฐทางตะวันออกแห่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทั้งคู่ได้จัดดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ทรัมป์ซึ่งรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารในการชุมนุมที่เพนซิลเวเนียเมื่อเดือนกรกฎาคม และเขาพยายามเอาใจประชากรผิวขาวในชนบทและเตือนว่าผู้อพยพกำลังท่วมท้นเข้าสู่เมืองเล็กๆ  

แฮร์ริหาเสียงถึงความสำเร็จด้านโครงสร้างพื้นฐานล่าสุด และที่พิตต์สเบิร์ก เธอได้ร่างแผนการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ในภาคการผลิต ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับชาวรัฐที่กำลังเผชิญกับปัญหาอุตสาหกรรมถดถอย 

จอร์เจีย (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16)
รัฐทางตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้เป็นจุดชนวนความขัดแย้งในช่วงท้ายของวาระแรกในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ และความขัดแย้งยังคงคุกรุ่น

อัยการในจอร์เจียฟ้องทรัมป์ในคดีแทรกแซงการเลือกตั้ง หลังจากที่เขาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ "ไปเสาะหา" คะแนนเสียงให้เพียงพอที่จะพลิกกลับชัยชนของไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ซึ่งครั้งนั้นไบเดนชนะทรัมป์อย่างหวุดหวิด

แต่คดีนี้ถูกระงับไว้จนกว่าจะถึงหลังการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นโชคช่วยอย่างหนึ่งสำหรับทรัมป์  

ในแง่ของการเลือกตั้งใหญ่ การเลืกตั้งที่ไบเดนชนะทำให้เขาเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งในรัฐแห่งนี้นับตั้งแต่ปี 1992 และการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์น่าจะส่งผลดีต่อแฮร์ริส ซึ่งได้คะแนนนิยมจากผู้สิทธิเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อยทั่วจอร์เจีย

นอร์ทแคโรไลนา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16)
ตั้งแต่ปี 1980 รัฐทางตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ได้ลงคะแนนให้พรรคเดโมแครตเพียงครั้งเดียว แต่แฮร์ริสเชื่อว่าพรรคได้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง

ปัจจุบัน ประชากรกว่า 10 ล้านคนกำลังขยายตัวและมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อพรรคเดโมแครต ที่สนับสนุนนโยบายชนกลุ่มน้อยและผู้อพยพ

นอกจากนี้ เพราะมีเรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐจากพรรครีพับลิกันของรัฐทำให้สถานการณ์ของทรัมป์ยุ่งยากขึ้นในการหาเสียงในรัฐนี้ และสมาชิกในพรรคเองก็ไม่พอใจกรณีอื้อฉาวดังกล่าว เนื่องจากกังวลว่าเรื่องดังกล่าวอาจทำให้ทรัมป์พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่สูสี

เช่นเดียวกับจอร์เจียซึ่งเป็นรัฐเพื่อนบ้าน ไพ่ใบสุดท้ายคือความเสียหายจากพายุเฮเลน ซึ่งเพิ่งทำลายเมืองต่างๆ ทางตะวันตกของนอร์ทแคโรไลนาไปเมื่อไม่นานนี้ อาจส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงที่มีต่อพรรครัฐบาล คือเดโมแครต

มิชิแกน (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 15)
ทรัมป์พลิกสถานการณ์มิชิแกน ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคเดโมแครต เอาชนะฮิลลารี คลินตันได้สำเร็จในปี 2016

ไบเดนกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้งในปี 2020 โดยได้รับการสนับสนุนจากคนงานที่เข้าร่วมสหภาพแรงงานและชุมชนคนผิวสีจำนวนมาก

แต่คราวนี้ แฮร์ริสเสี่ยงที่จะสูญเสียการสนับสนุนจากชุมชนอาหรับ-อเมริกันกว่า 200,000 คนที่วิพากษ์วิจารณ์การจัดการสงครามอิสราเอล-ฮามาสในฉนวนกาซาของไบเดน และรวมถึงท่าทีของเธอต่อการจัดการสงครามดังกล่าวด้วย 

แอริโซนา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 11)
รัฐอันเป็นที่ตั้งของแกรนด์แคนยอนเป็นหนึ่งในรัฐที่มีการแข่งขันที่สูสีที่สุดในปี 2020 โดยไบเดนชนะด้วยคะแนนเพียง 10,457 คะแนน

ทรัมป์หวังว่าความผิดหวังจากนโยบายสนับสนุนผู้อพยพยของรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสจะทำให้แอริโซนาซึ่งมีพรมแดนติดกับเม็กซิโก กลับมาเป็นรัฐที่รีพับลิกันได้เปรียบอีกครั้ง เพราะรีพับลิกันต่อต้านนโยบายดังกล่าว 

แฮร์ริสไปเยือนชายแดนของรัฐแอริโซนาในเดือนกันยายน โดยให้คำมั่นว่าจะปราบปรามผู้อพยพ และทำงานเพื่อฟื้นร่างกฎหมายชายแดนที่พรรคทั้งสองสนับสนุนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเธอกล่าวว่าทรัมป์ "ล้มเหลว" ในทางการเมือง

วิสคอนซิน (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10)
ฮิลลารี คลินตันแพ้วิสคอนซินหลังจากละเลยรัฐนี้ในช่วงหาเสียงปี 2016

เช่นเดียวกับมิชิแกนเพื่อนบ้านในแถบมิดเวสต์ สถานการณ์กลับแตกต่างไปในคราวที่ทรัมป์ชิงชัยกับไบเดน ปรากฏว่าไบเดนเปลี่ยนคะแนนที่ขาดอยู่ 23,000 คะแนนให้กลายเป็นคะแนนที่นำ 21,000 คะแนนสำหรับพรรคเดโมแครต

ทรัมป์มองว่าสามารถเอาชนะได้ และพรรคของเขาได้จัดการประชุมใหญ่ระดับชาติในช่วงฤดูร้อนที่วิสคอนซิน

แม้ว่าทรัมป์จะนำในช่วงต้นของการหาเสียงช่วงที่ไบเดนยังคงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตอยู่ แต่พอแทนที่ด้วยแฮร์ริส เธอก็ช่วยทำให้การแข่งขันในรัฐนี้ตื่นเต้นมาก

เนวาดา (คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 6)
รัฐเนวาดาซึ่งมีประชากร 3.1 ล้านคนไม่ได้เลือกพรรครีพับลิกันมาตั้งแต่ปี 2004 แต่กลุ่มการเมืองอนุรักษ์นิยมซึ่งได้รับแรงหนุนจากคะแนนนิยมของทรัมป์ที่มีต่อผู้ลงคะแนนเสียงชาวฮิสแปนิก ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มสำคัญในรัฐนี้ ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์ได้

ทรัมป์มีคะแนนนำอย่างมากที่นี่เมื่อเทียบกับไบเดน ในช่วงที่ไบเดนยังหาเสียงอยู่

แต่ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่แฮร์ริสได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตแทนที่ไบเดน  แฮร์ริสซึ่งส่งเสริมแผนเศรษฐกิจของเธอเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ กลับสามารถบั่นทอนความได้เปรียบของทรัมป์ในรัฐแห่งนี้ 

Agence France-Presse
Photo by Brendan SMIALOWSKI and Patrick T. Fallon / AFP

TAGS: #เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ2024