'ทรัมป์'ชนะเลือกตั้งอีกครั้ง ถึงขั้นหลีกเลี่ยง "สงครามโลกครั้งที่ 3" ได้หรือไม่?

'ทรัมป์'ชนะเลือกตั้งอีกครั้ง ถึงขั้นหลีกเลี่ยง

อย่างแรกคือ โดนัลด์ ทรัมป์ เน้นย้ำว่าต้องใช้ “สันติภาพผ่านความแข็งแกร่ง” เพื่อที่จะ “ป้องกันสงครามโลกครั้งที่สาม” และเขาย้ำมาตลอดว่า กมลา แฮร์ริส จะเป็นตัวเร่งให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 

ทั้งนี้ กมลา แฮร์ริส และพรรคเดโมแครตมีนโยบายที่จะสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามต่อต้านรัสเซียให้ “นานเท่าที่จำเป็น” พร้อมกับช่วยเหลือด้านเงินทุนและอาวุธต่อไป ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่รัสเซียทนไม่ได้ในที่สุด และเริ่มเผชิญหน้ากับผู้สนับสนุนโดยตรงของยูเครน คือ สหรัฐฯ และชาติตะวันตก

ดังนั้น การที่ทรัมป์จะชะลอความช่วยเหลือยูเครน หรือแม้แต่มุ่งที่จะยุติสงครามในยูเครน ไม่ผูกมัดในการช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติมเพื่อทำสงครามต่อต้านรัสเซีย ก็เท่ากับว่าทรัมป์จะหยุดการเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซียที่ขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์หนักขึ้นเรื่อยๆ โดยขีดเส้นไว้ว่าหากพบอาวุธของชาติตะวันตกถูกใช้โดยยูเครนเข้ามาถล่มในดินแดนรัสเซีย 

สงครามยูเครน-รัสเซียถูกมองว่าคือปัจจัยที่จะทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 มากที่สุด ดังนั้น การที่ทรัมป์แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะไม่สนับสนุนยูเครนอีกและจะพยายามยุติสงคราม เท่ากับช่วยให้โลกถอยห่างจากสงครามโลกออกมาได้อีกระยะหนึ่ง 

ในกรณีของอิสราเอลก็เช่นกัน จุดยืนของทรัมป์อาจจะดูไม่ชัดเจน เขาบอกว่าจะยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล แต่ในเวลาเดียวกันก็จะแสวงหาสันติภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นท่าทีเหมือนกับช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ซึ่งแม้จะแสดงนัยในการสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่ แต่ก็ประกาศย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเล็ม ซึ่งถือเป็นการแสดงจุดยืนสนับสนุนลัทธิไซออนและการอ้างสิทธิของอิสราเอลเหนือเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ 

แต่ในเวลาเดียวกัน ทรัมป์ก็ทำตัวเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ให้หยุดยิง ซึ่งทำสำเร็จในช่วงหนึ่ง แต่ทำให้อิสราเอลไม่พอใจที่ทรัมป์ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในตะวันออกกลาง ดังนั้น เมื่อทรัมป์กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ความรุนแรงในตะวันออกกลางก็จะลดลงไปในส่วนของอิสราเอล แต่ไม่รับประกันว่าในส่วนของอิหร่านจะลดลง เพราะท่าทีของทรัมป์ต่ออิหร่านค่อนข้างเด็ดขาด เหมือนสมัยแรกที่เขาถอนสหรัฐฯ ออกจากเวทีเจรจายุติโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

ในส่วนของจีน แน่นอนว่า ทรัมป์จะมุ่งทำสงครามการค้าที่เขาเริ่มต้นในสมัยที่แล้วต่อไป และยังจะเดินหน้าเพิกถอนสถานะ “ชาติที่ได้รับความโปรดปรานสูงสุด” (most favoured nation) ของจีน ซึ่งเป็นสถานะทางการค้าที่สหรัฐฯ จะมอบให้มิตรประเทศ  แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีความพยายามในสหรัฐฯ ให้ยกเลิกสถานะดังกล่าวของจีน เนื่องจากความเป็นปรปักษ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มสูงขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการเมืองและความมั่นคง ทรัมป์แสดงท่าทีไม่ต้องการเปิดศึกกับจีน และยังต้องต้องการ “ความสัมพันธ์ที่ดี” กับจีน และชื่นชมประธานาธิบดีสีจิ้นผิง 

ที่สำคัญคือ ทรัมป์กล่าวว่าไต้หวันควรจ่ายเงินให้กับสหรัฐฯ เพื่อเป็นค่าธรรมเนียมที่ไต้หวันได้รับการปกป้องจากสหรัฐฯ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าทรัมป์จะปฏิบัติกับไต้หวันเหมือนยูเครนและอิสราเอล นั่นคือตัดท่อน้ำเลี้ยงที่ทำให้ดินแดนเหล่านี้ให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ก่อกวนศัตรูของสหรัฐฯ เพื่อที่ทรัมป์จะหันมาเน้นสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับประเทศของเขาเองอีกครั้ง 

บทวิเคราะห์โดย กรกิจ ดิษฐาน บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by JEFF KOWALSKY / AFP
 

TAGS: #ทรัมป์ #เลือกตั้งสหรัฐ2024