เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสตใน X ว่า "กลุ่มอุตสาหกรรมการทหารดูเหมือนจะต้องการให้แน่ใจว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและช่วยชีวิตคนได้ ต้องล็อกเงินล้านล้านเหรียญนั้นเอาไว้ให้ได้ พวกคนที่ยอมเชื่องๆ ชีวิตจะพังพินาศ" 

ทรัมป์ จูเนียร์ โพสต์ข้อความนี้ต่อเนื่องจากการรีโพสต์ข่าวที่ระบุว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้อนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่สหรัฐฯ จัดหาให้เป็นครั้งแรก เพื่อโจมตีภายในรัสเซีย ตามรายงานของ NYT

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลของไบเดนได้จำกัดการใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของยูเครน โดยอ้างถึงความกลัวว่ารัสเซียอาจตอบโต้ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนโยบายในช่วงไม่นานมานี้เอง 

ในขณะที่รัฐบาลรัสเซีย ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าการอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธจากชาติตะวันตกเข้าโจมตีในดินแดนของรัสเซียถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่านาโต้ได้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงในความขัดแย้งดังกล่าว 

และเมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้ว่ารัสเซียจะ “ตัดสินใจอย่างเหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคาม” ซึ่งหมายถึงการใช้อาวุธของตะวันตกโจมตีรัสเซียโดยตรง และยังปรับระดับความพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อสนองตอบการกระทำเช่นนั้นด้วย 

กลุ่มอุตสาหกรรมการทหาร หรือ Military Industrial Complex (MIC) ที่ ทรัมป์ จูเนียร์ พูดถึงคือใคร? 

โดยรวมแล้ว MIC มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับแนวคิดเรื่องสามเหลี่ยมเหล็ก (iron triangle) นั่นคือ ความสัมพันธ์สามด้านระหว่างรัฐสภาหรือนักการเมือง ระบบราชการฝ่ายบริหารหรือคณะรัฐบาล และกลุ่มผลประโยชน์ทั้งจากภาคธุรกิจอาวุธและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (เครือข่ายขององค์กร สิ่งอำนวยความสะดวก และทรัพยากรที่จัดหาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศให้กับรัฐบาล) 

ความเกี่ยวข้องนี้เกิดจากการที่กลุ่มการเมือง 'ล็อบบี้' (หรือการให้เงินโดยถูกกฎหมายหรือข้อแลกเปลี่ยนอื่นๆ) เพื่อให้การสนับสนุนนักการเมืองและรัฐบาลในการาหเสียงเพื่อรั้งอยู่ในอำนาจไว้ หลังจากนั้นนักการเมืองและรัฐบาลจะผ่านกฎหมายหรือนโยบายที่สนับสนุนการซื้ออาวุธหรือการก่อสงคราม เพื่อให้กลุ่มผลประโยชน์ คือ ผู้ผลิตอาวุธสามารถขายอาวุธได้อย่างต่อเนื่อง โดยผู้ซื้อก็คือรัฐบาล และรัฐบาลยังอาจเป็นนายหน้าขายอาวุธให้กับประเทศพัธมิตรอีกด้วย

การก่อสงคราม จึงเป็นวิธีที่หาเงินให้กับ MIC ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ดังนั้น หากมีใครที่ต้องการจะหยุดสงคราม คนๆ นั้นจะถือเป็นก้างขวางคอของ MIC และสามเหลี่ยมเหล็ก หรือที่ทรัมป์เรียกว่า 'รัฐซ้อนรัฐ'หรือ Deep state ซึ่งเป็นกลุ่มผลประโยชน์ร่วมที่บงการนโยบายของประเทศเพื่อคงอำนาจเบื้องหลังเอาไว้ผ่านนโยบายที่เอื้อต่อตนในระยะยาว 

ดังนั้น เมื่อทรัมป์ต้องการยุติสงครามในยูเครนซึ่งเป็นผลประโยชน์โดยตรงของ MIC เครือข่ายนี้ หรือ  Deep state จึงต้องเร่งแก้เกมส์ ซึ่งการแก้สถานการณ์ล่าสุด คือ การที่รัฐบาลไบเดนสั่งให้ใช้อาวุธของสหรัฐฯ ได้ในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งแต่ก่อนเป็นเรื่องต้องห้ามเพราะอาจทำให้สงครามบานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่า MIC และ Deep state จะรอไม่ได้แล้ว

ในเรื่องนี้ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ SpaceX ซึ่งเป็นผู้ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้นำทบวงประสิทธิภาพหน่วยงานรัฐและลดขนาดของรัฐราชการ ซึ่งโดยแท้จริงคือองค์กรที่จะกวาดล้าง  Deep state  ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะอนุมัติการใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในอาณาเขตของรัสเซีย 

มัสก์ กล่าวตอบสนองต่อข่าวนี้ ที่โพสต์ X ของไมค์ ลี วุฒิสมาชิกจากรัฐยูทาห์ ซึ่งเป็นพรรครีพับลิกัน โดย ไมค์ ลี  ประกาศว่า "พวกเสรีนิยมชอบสงคราม" และเสริมว่า "สงครามช่วยให้รัฐบาลมีขนาดใหญ่ขึ้น"

กับคำกล่าวนี้มัสก์ตอบสั้นๆ ว่า "จริง" 

ก่อนหน้านี้ หลังจากมีข่าวว่าทรัมป์คุยกับปูติน ซึงอาจเกี่ยวกับการเจรจายุติสงคราม มัสก์เขียนบน X ในเวลาต่อมาไม่นานว่า "การสังหารที่ไร้เหตุผลจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า หมดเวลาของพวกสงครามที่แสวงหากำไรแล้ว"

ทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ในภาพถ่ายแจกนี้ซึ่งถ่ายและเผยแพร่โดยหน่วยบริการฉุกเฉินของยูเครนเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2024 ผู้หญิงคนหนึ่งแสดงปฏิกิริยาในลานของอาคารที่ได้รับความเสียหายหลังจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธในสถานที่ที่ไม่เปิดเผยในภูมิภาคโอเดสซา รัสเซียโจมตียูเครนด้วยการโจมตีทางอากาศ "ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง" ที่ยูเครนประสบมาในการโจมตีที่กำหนดเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ อันเดรย์ ซิบิกา รัฐมนตรีต่างประเทศของเคียฟกล่าวเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2024 (ภาพถ่ายโดย Handout / หน่วยบริการฉุกเฉินของยูเครน / AFP)