ในรายงานพิเศษเรื่อง "'เป้าโหย่วเสียง' บุรุษเหล็กผู้อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งของ'กองทัพว้า'" เราเอ่ยถึงการก้าวขึ้นมาเป็นบุรุษเหล็กแห่งรัฐว้าของ "เป้าโหยวเสียง" ผู้ที่เป็นทั้งประธานพรรค UWSP และผู้บัญชาการกองทัพ UWSA อันเป็นโครงสร้างการปกครองของรัฐว้า
โครงสร้างการปกครองแบบนี้ เป้าโหย่วเสียงรับแบบแผนมาจากพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ซึ่งเขาเคยเป็นสมาชิกคนสำคัญ แต่แยกตัวออกมาหลังจากจากเกิดการลุกฮือในพรรคฯ และเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นผู้มากบารมีในรัฐฉานของเขา
แต่เป้าโหย่วเสียงจะไม่มีวันนี้ หากไม่มีผู้ชายที่เขาให้ความเคารพและเชื่อถือมาโดยตลอด นั่นคือ หลี่จื้อหรู (李自如)
หลี่จื้อหรูคนนี้ "ถือเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดในรัฐบาลรัฐว้าในสายตาประชาชนของรัฐว้า"
เราอาจเรียกเขาว่าเป็น "ขงเบ้งแห่งรัฐว้า" ก็ได้ และเขาก็มีคุณสมบัติบางอย่างที่คล้ายกับกุนซือสมองเพชร
เดิมทีนั้น หลี่จื้อหรู เป็นอดีตสมาชิกสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ในยูนนาน ประเทศจีน ในช่วงที่เขากำลังเป็นหนุ่มนั้นเป็นช่วงเวลาปฏิวัติวัฒนธรรมในจีนพอดี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนหนุ่มสาวในจีนร่วมขบวนการปฏิวัติทั้งในด้านวัฒนธรรม (ทำลายแนวคิดเก่าๆ) และบางคนเข้าร่วมการปฏิวัติสังคมนิยม (เช่นการเข้าไปละลายพฤติกรรมในชนบท)
แต่มีบางคน เช่น หลี่จื้อหรู ที่เลือกจะร่วมการปฏิวัติด้วยอาวุธ และเส้นทางที่เขาเลือกคือการเข้าร่วมกับกองทัพประชาชนพม่า ซึ่งมีฐานที่มั่นใกล้กับบ้านเกิดของเขา คือมณฑลยูนนาน เพราะการปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่านั้น ไม่มีพรมแดนและเชื้อชาติ แต่เป็นภาระกิจของ "สากล" ที่ชนชาติต่างๆ จะต้องช่วยกันผลักดัน
กองทัพประชาชนพม่า (缅甸人民军) เป็นกองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลพม่าในเวลานั้น โดยเป็นกองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์พม่าตั้งแต่ปีพ.ศ. 2511 ก่อตั้งและฝึกอบรมโดยจีนและเวียดนามสำหรับที่ปรึกษาทางทหารผู้เชี่ยวชาญและผู้ฝึกสอน กองทัพประชาชนก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 1968 ผู้ก่อตั้งเริ่มแรกคือ ตะคีนต้านทู่น (德钦丹东) ชาวพม่า และสมาชิกชาวจีนรวมถึง เผิงเจียเซิง (彭家声) ผู้นำกองกำลังโกกั้ง
"กองทัพประชาชน" ประกอบไปด้วยชนชาติที่หลากหลาย มีทั้งชาวคะฉิ่น (เช่น หลัวเซียงและติงอิง) ชาวพม่าบางส่วน (เช่น หยางกวงและอวี๋เจี้ยน ) ชาวไทใหญ่ (เช่น จ้าวเสวี่ยเถิงและติงไหล) และชาวว้า (เช่น จ้าวนีไหลและเป้าโหย่วเซียง) ชาวโกกั้ง (กล่าวคือ ชาวฮั่นในพื้นที่ เช่น เผิงเจียเซิง ไป๋สั่วเฉิง เป็นต้น) และอาสาสมัครเยาวชนที่มีการศึกษาจากประเทศจีน (เช่น หลี่จื้อหรู เซี่ยวหมิงเลี่ยง และอู๋ไจ้หลิน)
ก่อนอื่น หลี่จื้อหรู ในปีพ.ศ. 2511 โดยเข้าร่วมกองทัพประชาชนพม่าที่เมืองโก ที่ชายแดนรัฐฉานของเมียนมาและชายแดนจีนของยูนนาน โดยเริ่มจากดำรงตำแหน่งพลทหาร ขึ้นมาเป็นหัวหน้าหมู่ หัวหน้าหมวด และรองผู้ฝึกสอนในกองร้อยปืนใหญ่ของหน่วยที่ 303
ในเวลาต่อมาเขาจึงค่อยเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์พม่าเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2511 การเป็นสมาชิกพรรคเท่ากับทำให้เขาต้องมีส่้วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น นอกจากการสู้รบเพื่อทำการปฏิวัติในพม่า
หลี่จื้อหรูไต่เต้าอย่างรวดเร็ว ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2513 เขาถูกย้ายไปยังหน่วยที่ 4045 ในฐานะครูฝึกของกองร้อย รองผู้บัญชาการกองพัน และผู้บัญชาการกองพัน
ในปี พ.ศ. 2515 หลี่จื้อหรูและเป้าโหย่วเสียงก็มาพบกัน
ในเวลานั้น เป้าโหย่วเสียงมีช่อเสียงเลื่องไม่น้อยแล้วในฐานะนักรบชาวว้าที่กล้าหาญและบัญชาการได้อย่างเด็ดขาด
แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์พม่าจะประกอบด้วยชนชาติที่หลากหลาย และตามอุดมการณ์สากลแล้วจะไม่มีการแบ่งเชื้อชาติและชนชั้นก็ตาม แต่เป้าโหย่วเสียงไม่สามารถก้าวหน้าได้มากนักทั้งๆ ที่มีฝีมือไม่น้อย
แต่ความสามารถของชายหนุ่มคนนี้ไม่อาจพ้นสายตาของหลี่จื้อหรูไปได้
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2528 เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสำรองของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการของภาคทหารกลาง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในเวลานี้ หลี่จื้อหรูมีอำนาจมากขึ้นทั้งทางทหารและการเมือง แต่เขาเล็งเห็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการปฏิบัติงาน นั่นคือ การสานสัมพันธ์กับคนท้องถิ่น นั่นคือ "ชาวว้า"
หลี่จื้อหรูเห็นว่าว่ากองทหารภาคกลางตั้งอยู่ในดินแดนของคนว้า หากเขาต้องการตั้งหลักในรัฐว้า เขาจะต้องทำการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่โดยเร็ว หนึ่งนั่นคือปัญหาเรื่องความเป็นคนจีนฮั่นของเขาและกับการอยู่กับคนว้าในท้องถิ่น
เพื่อแก้ปัญหานี้ หลี่จื้อหรูจึงเห็นความสำคัญของเป้าโหย่วเสียง ลูกชายกหัวหน้าเผ่าชาวว้าผู้มากบารมีขึ้นมา
แม้ว่าหลี่จื้อหรูจะมีอายุมากกว่าเป้าโหย่วเสียง และมีสถานะสูงในพรรคคอมมิวนิสต์พม่า แต่เขาเห็นว่าเป้าโหย่วเสียงมากไม่ใช่คนธรรมดา แต่มีพรสวรรค์ทั้งการรบและบารมีในกาารควบคุมกำลังคน ด้วยเหตุนี้ หลี่จื้อหรูจึงได้ล็อบบี้ผู้นำของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์พม่าและหัวหน้ากองทัพประชาชน และแนะนำเป่าโหยวเซียงซึ่งถูกละเลยในเวลานั้นให้ดำรงตำแหน่งผู้นำที่สูงขึ้น
ด้วยความพยายามของหลี่จื้อรู่ เป้าโหย่วเสียงที่ถูกมองข้ามในพรรคฯ ก็กลายเป็นดาวเด่นขึ้นมา และในไม่ช้าเขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยและรองผู้บัญชาการของหลี่จื้อหรูในภาคทหารกลางของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า
แต่ที่สำคัญก็คือ การช่วยส่งเสริมเป้าโหย่วเสียงในครั้งนี้ ทำเป้าโหย่วเสียงกับหลี่จื้อหรูเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกันนับแต่วันนั้นจนถึงวันตายของอีกฝ่าย
หลังจากนั้น เกิดความเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์โลกและสถานกาารณ์ในพรรคคอมมิวนิสต์พม่า
ไม่ใช่เฉพาะในพรรคคอมมิวนิสต์พม่าเท่านั้น แต่พรรคคอมมิวนิสต์ทั่วโลกกำลังสั่นคลอน เพราะใกล้จะสิ้นสุดสงครามเย็น
ในกรณีของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า สาเหตุแห่งความล่มสลายมาจากปัญหาเชื้อชาติเป็นหลัก เช่นเดียวกับที่เคยบั่นทอนโอกาสรุ่งของเป้าโหย่วเสียงมาแล้ว แกนนำในพรรคฯ ต้องการคนชนชาติพม่าดั้งเดิมมาเป็นผู้นำในเชิงสัญลักษณ์ ในความเป็นจริง คนพม่าเหล่านี้ไม่มีทั้งความสามารถและความแข็งแกร่ง และเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของผู้บัญชาการของภูมิภาคทหารหลักของพรรคคอมมิวนิสต์พม่าที่เป็นสมาชิกพรรคด้วย แต่ก็ดำเนินการในฐานะขุนศึกในท้องถิ่นด้วย ซึ่งในที่สุดขุนศึกเหล่านี้ก็ไม่เห็นว่า พรรคฯ จะสนองผลประโยชน์ของพวกเขาได้อีก
ในปี พ.ศ. 2532 ผู้นำของเขตทหารหลักของพรรคคอมมิวนิสต์พม่าในขณะนั้นได้ก่อกบฏและประกาศอิสรภาพจากฃพรรคคอมมิวนิสต์พม่า นี่คือระลอกแรกของการแตกสลายของพรรคฯ
ผู้นำการแยกตัวจากพรรคฯ คนแรก คือ เผิงเจียเซิง ชาวจีนฮั่นในพม่าหรือโกกั้ง ซึ่งออกไปตั้งฐานที่มั่นของตัวเองในเขตโกกั้ง
สำหรับเขตทหารกลางของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ซึ่งหลี่จื้อรู่เป็นผู้บัญชาการ ก็ประกาศอิสรภาพจากพรรคคอมมิวนิสต์พม่าเช่นกัน แต่คนที่ลงมือไม่ใช่หลี่จื้อหรู แต่เป็นเป้าโหย่วเสียง
หลังการก่อกบฏของเผิงเจียเซิง หลี่จื้อหรูเห็นว่าสถานการณ์ของพรรคสิ้นหวังแล้ว เขาจึหาเหตุลาพักป่วย แต่หลังจากที่เป้าโหย่วเสียงแยกตัวมาตั้งตนเป็นใหญ่ เขาก็เชิญลูกพี่เก้ามาร่วมขบวนกัน โดยเชื้อเชิญหลายครั้ง กว่าที่หลี่จื้อหรูจะยอม "ออกจากถ้ำ" กลับสู่สมรภูมิอีกครั้ง
แทนที่จะกุมอำนาจไว้ที่ตัวเอง เขากลับทำเรื่องที่เหนือความคาดหมาย นั่นคือการสนับสนุนเป้าโหย่วเซียงเป็นผู้บัญชาการ ส่วนตัวเขาเองก็เกษียณจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการ การทำเช่นนี้ลดความขัดแย้งในกองทัพว้าอย่างมาก และยิ่งทำให้เป้าโหย่วเสียงเคารพลูกพี่คนนี้
การตัดสินใจนี้ชาญฉลาดมาก เพราะเป้าโหย่วเสียงมีความสามารถและบารมีสูงมากในหมู่คนว้า ส่วนหลี่จื้อหรูแม้จะมีความสามารถทั้งการรบและการเมือง แต่ "บารมีไม่ถึงขั้น" เขาจึงเชิญผู้มากบารมีเป็น "ราชา" ส่วนตัวเขาถอยฉากมาดำรงตำแหน่ง "กุนซือ" ซึ่งสถานะไม่ได้ด้อยลง แถมยังทำให้เป้าโหย่วเสียงเกรงใจยิ่งกว่าเดิม และเคารพในความใจใหญ่ของหลี่จื้อหรู
หลังจากแยกตัวออกมา พวกเขาก็ร่วมกันก่อตั้งรัฐว้า และด้วยความที่เป้าโหย่วเสียงซูฮกหลี่จื้อหรูอย่างมากในฐานะผู้มีพระคุณและกุนซือผู้คอยชี้แนะ ดังนั้น แม้ว่าหลี่จื้อรู่จะเป็นชาวจีนฮั่น แต่เขาก็เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในรัฐว้า และมีมันสมองที่เฉียบคมในการวางแผนการรบ และการกำหนดยุทธศาสรตร์ระดับกว้าง
และการรบที่ประสบความสำเร็จมากมายของเป้าโหย่วเสียงนั้น แท้จริงแล้วเป็นการวางแผนของหลี่จื้อหรูที่อยู่เบื้องหลัง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังรวมถึงเกมการเมืองสำคัญๆ ด้วยที่มาจากมันสมองของหลี่จื้อหรู เช่น การออกมาตั้ง "รัฐอิสระ" ของชาวว้า จะนำมาซึ่งการสร้างศัตรูตัวร้ายที่สุด คือ กองทัพเผด็จการทหารพม่า แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามกับยักษ์ หลี่จื้อหรูกับเป้าโหย่วเสียงจึงได้เจรจากับรัฐบาลทหารพม่าอย่างยากลำบาก
แต่กองทัพพม่าก็ต้องการแนวร่วมเช่นกัน การจะร่วมกันได้จะต้องใช้การต่อรองระดับเทพด้วย
เพื่อที่จะให้พม่ายอมรับสถานะรัฐของคนว้าและพันธมิตร กองทัพรัฐว้าจึงได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มผลิตและค้ายาเสพติดของขุนส่าตามคำร้องขอของรัฐบาลพม่า หลี่จื้อหรูเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพรวมว้า ซึ่งมีส่วนช่วยให้กลุ่มขุนส่าพ่ายแพ้ นี่เป็นครั้งสำคัญที่หลี่จื้อหรูออกมารบด้วยตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ "บัญชาการหลักฉาก" ในฐานะกุนซื้อมาโดยตลอด และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รัฐว้ามีดินแดนเพิ่มขึ้นมาก นั่นคือดินแดน "รัฐว้าตอนใต้" ที่ติดกับภาคเหนือของไทย
หลังจากที่ยึดดินแดนของขุนส่า เจ้าพ่อยาเสพติดมาได้ เป้าโหย่วเสียง ได้ประกาศต่อโลกเขาจะห้ามปลูกฝิ่นทั่วทั้งรัฐว้าภายในปี 2548 กล่าวกันว่าการตัดสินใจนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลี่จื้อหรูเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อมีสัญญาณของการจะแย่งอำนาจภานในรัฐว้า หลี่จื้อหรูออกโรงมาไกล่เกลี่ยฝ่ายต่างๆ ให้ปรองดองกัน และเคลียร์กันได้ในที่สุด ทำให้เขายิ่งมีสถานะประหนึ่ง "กาว" ที่ยึดโยงรัฐว้าเอาไว้
นี่เองที่ทำให้เขาคู่ควรกับตำแหน่ง "ขงเบ้งแห่งกองทัพว้า"
ป.ล. - หลี่จื้อหรู เสียชีวิตกะทันหันจากอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2548
รายงานพิเศษโดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better