ในหมู่ชาวพุทธทิเบตต่างเชื่อถือในคำทำนายเมื่อ 1,250 ปีก่อนของพระปัทสมภพ หรือ "คุรุรินโปเช" มหาคุรุผู้เผยแพร่พุทธศาสนาในทิเบตยุคแรก เป็นคำพยากรณ์ถึงยุคปลายพุทธกาล เช่นท่านว่า "ยามนกเหล็กเหินหาว ม้าเหล็กวิ่งไปตามถนนหนทาง ครานั้นถึงยุคปลายพุทธกาลแล้ว" เมื่อถึงยุคนี้ก็จะสังคมจะเกิดความผิดเพี้ยนต่างๆ นานา
คำทำนายนี้ครอบคลุมเรื่องทั้งทางโลกทางธรรม แต่จะเน้นทางธรรมมากสักหน่อย เพราะสักคมทิเบตเป็นสังคมที่ผสมผสานพุทธศาสนากับเรื่องทางโลก ดังนั้นจึงให้ความสนใจกับสถาบันศาสนาอย่างมากเพราะจะชี้นำทางโลกได้ และเรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะสังคมทิเบตเท่านั้น ยังอาจหมายถึงสังคมพุทธศาสนาอื่นๆ ด้วยเช่นสังคมไทย อย่างที่ตอนหนึ่งท่านทำนายว่า พระสงฆ์จะละโมบแสวงหาลาภยศ เดินทางไปทั่วเพื่อหวังหลอกลวงสาธุชน คิดแต่หาทางให้ได้มาซึ่งลาภสักการะหรือปัจจัยจากการทำบุญแล้วกอบโกยมาเป็นของตัวเอง ไม่สนใจสวดมนต์ภาวนา เอาแต่เริงใจในสิ่งบันเทิง ละเมิดศีลล่วงอาบัติโดยหาได้สลดใจ
เนื้อหาของคำทำนายส่วนหนึ่งมีดังนี้
"เมื่อศิษย์ถามว่ายุคสิ้นสุดธรรมะเริ่มต้นเมื่อใด คุรุรินโปเชตอบว่า “เมื่อนกเหล็ก (เครื่องบิน) บินอยู่บนท้องฟ้าและม้าเหล็ก (รถไฟ) วิ่งอยู่บนท้องถนน เรารู้ว่ายุคสิ้นสุดธรรมะมาถึงแล้ว ในเวลานี้ พุทธศาสนาแบบทิเบตจะเจริญรุ่งเรืองไปทั่วโลก เมื่อนกเหล็กบินและม้าวิ่งบนล้อ ชาวทิเบตจะกระจัดกระจายไปทั่วโลกเหมือนมด และธรรมะจะมาถึงดินแดนของคนผิวแดง (ประเทศตะวันตก)"
และเมื่อถึงยุคปลายพระศาสนาหรือยุคสิ้นธรรม “ผู้ปกครองไม่ประพฤติตนเหมือนผู้ปกครอง ราษฎรไม่ประพฤติตนเหมือนราษฎร พ่อไม่ประพฤติตนเหมือนพ่อ ลูกชายไม่ประพฤติตนเหมือนลูกชาย”
"นอกจากนี้ พระคุรุรินโปเชยังทำนายอีกว่า ในยุคนั้น (หรือในปัจจุบัน) รถม้าไม่ต้องใช้ม้าในการเคลื่อนที่ แต่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เด็กๆ ในยุคนั้นจะเหยียบสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนแตร และมีล้ออยู่ใต้รถเพื่อให้พวกเขาเล่นไถลไปได้ทุกที่ (เล่นสเก็ต) เป็นเรื่องแปลกยิ่งกว่าที่ผู้คนในยุคนั้นไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านเพื่อรับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพียงแค่นั่งอยู่หน้ากระจกเงาก็พอ (ดูจอทีวีหรือโทรศัพท์มือถือ)"
"คำทำนายกล่าวว่าในยุคนั้น (หรือในยุคนี้) ความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาจะพังทลายลงเพราะผู้หญิงที่เรียกว่า “ลิ้นสองแฉก” ซึ่งคอยยุยง ยั่วยุ และสร้างความแตกแยกภายในครอบครัว ลูกชายและลูกสาวที่ไร้ความกตัญญูจะไล่พ่อแม่ออกจากบ้าน พี่น้องจะต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงมรดก และละเมิดศีลห้าโดยไม่สำนึกผิด คำสอนของพระพุทธเจ้าจะค่อยๆ เลือนลางและสูญหายไปในที่สุด จะมีการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้องที่ใกล้ชิดที่สุด หลายคนจะติดการพนัน ยาเสพติด และของมึนเมา"
เฉพาะเรื่องของการเสพของมึนเมาและของเป็นพิษต่างๆ นั้น คุรุรินโปเชได้เตือนไว้ว่า "ผู้ติดสุราจะต้องตายด้วยโรคหลอดเลือดสมอง ผู้พนันจะต้องตายด้วยโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ผู้พูดจาใส่ร้ายจะต้องตายด้วยโรคที่เกี่ยวกับลำคอ ผู้สูบบุหรี่จัดจะต้องตายด้วยโรคเกี่ยวกับปอด การบริโภคไข่ กระเทียม และหัวหอมมากเกินไปจะทำให้ฝันร้ายบ่อยครั้ง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางจิตและในที่สุดก็จะเสียชีวิต ผู้ล่าสัตว์และผู้ฆ่าสัตว์จะต้องตายด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับตับและลำไส้ ผู้ทำบาปและผู้ที่มีกรรมหนักจะต้องตายด้วยโรคต่างๆ มากมายที่ทั้งเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน"
คำทำนายยังเน้นเรื่องความเสื่อมของพุทธศาสนาว่า "รูปปั้นและภาพวาดของพระพุทธเจ้า รวมทั้งเครื่องมือประกอบพิธีกรรมของศาสนาพุทธจะถูกขายในตลาดนัดตามท้องถนน ของมีค่าโบราณที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจะถูกขายและประมูลในตลาดระหว่างประเทศ การตัดไม้ทำลายป่าและการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมากเกินไปจะทำให้เกิดความไม่สมดุลของระบบนิเวศ ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้ง โจรและผู้ปล้นสะดมจะแพร่ระบาดไปทั่วทั้งเมือง และคนยากไร้และขอทานจะปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง"
"คุรุรินโปเชกล่าวต่อไปว่าในยุคนั้น พระภิกษุจำนวนมากมีความโลภและแสวงหาความร่ำรวยและชื่อเสียง พวกเขาเดินทางไปทุกหนทุกแห่งเพื่อหลอกลวงสาวก พวกเขาวางแผนและคิดหาวิธีที่จะได้รับเครื่องบูชาและการบริจาคจากผู้ติดตามและมีทรัพย์สมบัติส่วนตัวและทรัพย์สินของตนเอง แต่พวกเขาไม่ปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนาหรือสวดมนต์ด้วยตนเอง พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับดนตรี การเต้นรำ และความบันเทิง พวกเขาละเมิดศีลและคำปฏิญาณโดยไม่สำนึกผิด "
ตอนนี้ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ว่าคำทำนายของพระปัทสมภพเป็นของแต่งขึ้นภายหลังหรือไม่เพราะไม่พบที่มาชัดเจนของตัวบท แต่ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า "คำพยากรณ์" (หรือข้อสังเกต?) นี้กลายเป็นความจริงแล้วหรือยัง
มีบล็อกเกอร์คนหนึ่งชื่อเหลียงเป็นเจ้าของบล็อก templemind.blogspot.com ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ไว้อย่างแหลมคมว่า คำทำนายของพระปัทสมภพคล้ายกับความเชื่อเรื่องพุทธทำนายว่าด้วยความสิ้นสูญของพุทธศาสนา (ฝ่ายเถรวาทเรียกว่าปัญจอันตรธาน)ในฝ่ายมหายานปรากฎในศูรางคมสูตร กล่าวคือเมื่อถึงยุคปลายพุทธกาล พระธรรมคำสอนจะสิ้นสูญไปก่อน
เหลียงบอกว่าเขาอ่านตอนนี้แล้วเขาถามตัวเองว่ามันจะเป็นได้อย่างไรในยุคดิจิตัล ซึ่งมีการเผยแพร่พระธรรมวินัยอย่างกว้างขวางทางอินเทอร์เน็ต จะพริ้นท์พระสูตรออกมาเป็นพันๆ ชุด แล้วเก็บรักษาไว้รอให้คนมารื้อฟื้นศาสนาก็ยังได้ หรือจะอัพโหลดธรรมะในเน็ตแบบรัวๆ ก็ยังไหว
มีอยู่วันหนึ่งเขาได้ยินมาว่ามีลัทธิที่อ้างตัวป็นพุทธในไต้หวัน ประกาศว่าพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศ ไม่ใช่พุทธวจนะเพราะทรงไม่เคยประกาศพระสูตรนี้ เท่านั้นเองเหลียงจึงเข้าใจความหมายของคำว่า "พระธรรมถูกทำลาย"
ผู้เขียนยังนึกถึงคำของพระเถระท่านหนึ่งซึ่งสอนว่า พระธรรมไม่ได้ถูกทำลายทางวัตถุ แต่จะถูก "ดิสเครดิต" ต่างหาก เช่นการบอกว่าพระสูตรนี้ไม่ใช่พุทธพจน์ ทำให้ผู้คนไม่แยแส หนักเข้าในอนาคตก็จะมีคนดิสเครดิตพระธรรมวินัยไปเรื่อยๆ จนพระธรรมคำสอนจะสิ้นสูญไปตามพุทธทำนาย
ดังนั้น ผู้ที่สืบทอดพระศาสนาจึงมีบทบาทมากในการทำให้ธรรมะยังอยู่หรือสาบสูญ ในยุคปลายพุทธกาลพึงยึดพระธรรม ไม่พึงยึดถือตัวบุคคล
ขอสรุปเรื่องความเสื่อมของศาสนาสักเล็กน้อยว่าในทางเถรวาทเชื่อว่าพระอภิธรรมจะสิ้นสูญก่อน ตามด้วยพระสูตร พระวินัยเหลืออยู่เป็นสิ่งสุดท้าย
นอกเหนือจากการให้น้ำหนักเรื่องความเสื่อมของพุทธศาสนาแล้ว คำทำนายของคุรุรินโปเชยังมีการระบุวันเวลาที่ค่อนช้างชัดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงทางโลกอะไรบ้าง เช่น
"ในปีมังกรโลหะ ปีศาจจะเข้ามาในน้ำ ในปีงูโลหะ ปีศาจจะเข้ามาในน้ำและฟ้าร้อง น้ำแข็งจะตกลงมา สร้างความหายนะและหายนะให้กับหลายๆ คน ในปีแพะน้ำ โรคติดต่อจะระบาดไปทั่ว" (มีมังกรโลหะ หมายถึงปีมะเส็ง ธาตุโลหะ ส่วนปีงูโลหะ คือ ปีมะเส็งธาตุโลหะ และปีแพะน้ำ คือปีมะแม ธาตุน้ำ เป็นการนับปีอย่างจีนและทิเบต)"
และ "ปีไก่ไม้ (ปีระกา ธาตุไม้) เป็นปีที่พลังของพระพุทธศาสนาอ่อนแอที่สุด วิญญาณชั่วร้ายและอสูรจะใช้โอกาสนี้สร้างความหายนะและสร้างความเสียหายมากขึ้น"
"ในปีวัวดิน (ปีฉลู ธาตุดิน) จะมีสงครามระหว่างประเทศและผู้คนจำนวนมากจะล้มตาย จงทำความดี สร้างบุญ สร้างจิตให้เป็นโพธิจิต (จิตใจที่ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์และรู้แจ้ง) เพื่อประโยชน์ของตนเองและเพื่อสวัสดิภาพของสรรพสัตว์ทั้งหลาย อย่าปล่อยให้ตนเองและผู้อื่นเผชิญกับภัยธรรมชาติและภัยพิบัติทางกรรม จงช่วยเหลือผู้ที่เสียสละชีวิตอันมีค่าของตนเพื่อรักษาดวงประทีปแห่งพุทธธรรมให้คงอยู่ ผู้ที่ตั้งใจทำความดีเพื่อผู้อื่น ความดีเช่นนี้ในตัวบุคคลนั้นแทบจะมองไม่เห็น"
ปีนี้ (2025) เป็นปีงูไม้ หรือปีมะเส็ง ธาตุไม้ คำทำนายไม่ได้เอ่ยถึงไว้
บทความโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better