ทำไมไทยถึงเลือกรถ EV จีนแล้วทิ้งรถญี่ปุ่น ความเห็นจากเรื่อง "เสียงเครื่องยนต์กำลังหายจากประเทศไทย"

ทำไมไทยถึงเลือกรถ EV จีนแล้วทิ้งรถญี่ปุ่น ความเห็นจากเรื่อง

สำนักข่าว Nikkei Asia เผยรายงานเชิงสารคดีเรื่อง The sound of engines vanishing in Thailand (เสียงเครื่องยนต์กำลังหายจากประเทศไทย) โดยรายงานการเข้ามาแทนที่ของรถ EV แทนที่รถยนต์ของบริษัทญี่ปุ่น รายงานข่าวเชิงสารคดีนี้ระบุว่า ครังหนึ่งประเทศไทยเคยมีฉายาว่า “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” เพราะผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น "เป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบหลักในการช่วยให้ประเทศไทยได้รับฉายาดังกล่าว" แต่บริษัทรถญี่ปุ่นกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญในขณะนี้ เนื่องจาก BYD และแบรนด์จีนอีก 19 แบรนด์ได้นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ของผู้บุกเบิกชาวญี่ปุ่นลดลง และแย่งชิงพนักงานขายและพนักงานโรงงานไป

การมาถึงของบริษัทจีนดังกล่าวได้ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทยใหม่ 

ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นควบคุมตลาดของประเทศไทยเกือบ 90% มาเป็นเวลาครึ่งศตวรรษ ในปี 2023 บริษัทจีนอย่าง BYD ได้เริ่มการขายเต็มรูปแบบในประเทศ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นลดลงอย่างมาก รายงานเปิดเผยสถิติว่าสัดส่วนยอดขายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยลดลงอยางต่อเนื่องในปี 2024 เหลือเพียง 76.2% จากในปี 2020 ที่อยู่ที่ 88% การลดลงของยอดขายรถญี่ปุ่นเริ่มต้นในปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่รถยนต์จากจีนเข้ามาบุกตลาดในไทยอย่างเต็มตัว

ในขณะที่ดีลเลอร์รถยนต์ในไทยก็เปลี่ยนไปขายรถยนต์ของจีนมากขึ้น ส่วนพนักงานขายรถของญี่ปุ่นในไทยก็ลดลงอย่างฮวบฮาบเกือบทั้งหมดยกเว้น Toyota ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 9.7% ส่วนที่เหลือลดลงอยางมาก คือ Isuzu ลดลง 13.6%, Honda ลดลง 20.8%, Suzuki ลดลง 40.8% , Mitsubishi ลดลง 52.9%, Mazda ลดลง 71.6% และ Nissan ลดลง 76.0% 

Nikkei Asia ได้สัมภาษณ์ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์เครือสหพัฒน์ ซึ่งเชี่ยวชาญและคุ้นเคยกับธุรกิจของชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี โดยตอนหนึ่งประธานบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ซึ่งได้ซื้อรถ BYD มาใช้ในปี 2023 ได้กล่าวว่า "ฟังค์ชั่นของรถ EV จีนนั้นสูงมาก อัตราการเร่งความเร็วก็เร็วมาก" 

และในส่วนของคำถามว่าทำไมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นถึงตามหลังในแง่ของการพัฒนา EV? บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา แสดงความเห็นว่า "ผมมองญี่ปุ่นจากหลายมุมมอง เพราะความสำเร็จของญี่ปุ่นในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นไม่สามารถปรับตัวได้เร็วพอในยุคดิจิทัล จีนไม่ได้ประสบความสำเร็จในยุคอะนาล็อก จีนพยายามที่จะดิสรัปต์อุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยการมาถึงของยุคดิจิทัล ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นพวกเขาไปแบบ step-by-step แล้วถ้ามันได้ผลก็จะขยับไปอีกระดับ ถ้าไม่ได้ผลก็จะชะลอลงมา ผู้ผลิตรถยนต์จีนไม่ได้ทำแบบนั้น ยุคดิจิทัลดิสรัปต์ยุคอะนาล็อก" 

ที่น่าสนใจก็คือ ในส่วนของความเห็นของผู้ชมหลังจาชมรายงานขาว-สารคดีนี้ มีทั้งคนไทยและต่างชาติมาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก และสะท้อนมุมมองของคนไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างน่าสนใจ เช่น 

ความเห็นที่ชื่อ @NopWorks บอกว่า "ประโยคนี้จากวิดีโอสรุปได้ดีที่สุดในฐานะคนไทย:
“รุ่นพ่อแม่ของเราไว้วางใจในรถยนต์อย่างโตโยต้าและฮอนด้า และพวกเขาคิดและรอคอยว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะออกรถยนต์ไฟฟ้า” เราชอบรถยนต์ญี่ปุ่น รถยนต์เหล่านี้ราคาไม่แพงและน่าเชื่อถือ แต่เราก็รอคอยให้พวกเขาออกรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่แพงและน่าเชื่อถือเหมือนกัน เรารอไม่ได้ตลอดไป

“จริงอยู่ที่เรานำผลิตภัณฑ์ที่ล้าสมัยมาจำหน่าย... ผมคิดว่าลูกค้าชาวไทยอาจไม่พอใจสิ่งนี้มากขึ้น”  เรื่องนี้ฟังดูหนักมาก รถยนต์ญี่ปุ่นเรียกเก็บเงินเพิ่มสำหรับทุกสิ่งเล็กน้อย โดยมีการตกแต่ง ระดับ และการอัปเกรดเป็นมากมายหลายรายการในขณะเดียวกัน ชาวจีนก็ใส่ทุกอย่างที่มีไปให้ ลองนึกภาพว่าต้องจ่ายเพิ่มเพียงเพื่อให้มีระบบนำทางด้วยดาวเทียม ฮอนด้าและบริษัทอื่นๆ ที่นี่ยังคงขายรถยนต์ที่มีระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ล้าสมัย ในขณะเดียวกัน (ผู้ผลิตรถ) ชาวจีนก็ให้หน้าจอขนาดใหญ่ที่สวยงามโดยไม่คิดเงินเพิ่ม

“ในขณะเดียวกัน คนรุ่นเราให้ความสำคัญกับคุณค่าของผลิตภัณฑ์มากกว่าที่มาของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นจากจีนหรือที่อื่น”  ในท้ายที่สุด หากรถยนต์ดี แสดงว่าดี ฉันหวังว่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นจะตื่นตัวและแข่งขันกันเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภค คงน่าเสียดายหากผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะหายไปจากตลาด
 
ความเห็นชื่อ @realmeent5919 แสดงทัศนะเป็นข้อๆ ไว้อยางน่สนใจดังนี้  

"1. รถยนต์ญี่ปุ่นในตลาดไทยเป็นรุ่นอาเซียนที่มีระดับต่ำกว่ารถที่จำหน่ายในตลาดพัฒนาแล้วแต่มีราคาสูงกว่า

2. ในขณะเดียวกัน รถยนต์จีนในตลาดไทยเป็นรุ่นระดับโลกหรือได้รับการดัดแปลงเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับกฎระเบียบของไทย

3. หากผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นเสนอผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึง/เทียบเท่ากับรถยนต์จีน ลูกค้าชาวไทย 90% จะยังคงเลือกผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นแม้จะมีราคาสูงกว่า 10% ก็ตาม

4. รถยนต์ไฟฟ้าจีนรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า 8 ปี โดยมีอายุการใช้งาน 160,000 กม. จากหลากหลายยี่ห้อ

5. ประเทศไทยมีไฟฟ้าสำรอง 50% ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องกังวลเรื่องไฟดับ

6. การใช้พลังงานของรถยนต์ไฟฟ้าขณะจอดรถพร้อมเครื่องยนต์ติดนั้นประหยัดมาก โดยใช้พลังงานแบตเตอรี่เพียง 1%-2% ต่อชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าฉันสามารถอยู่ในรถได้ 3 วันโดยเปิดเครื่องปรับอากาศและดู Netflix และที่สำคัญที่สุดคือไม่มีการปล่อยมลพิษ

ฉันคิดว่าคนไทยหลายคนยังคงไว้วางใจผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่น แต่การตอบสนองของญี่ปุ่นที่ช้ากว่า ทำให้คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะลองใช้ผลิตภัณฑ์ของจีนมากขึ้น ในที่สุด ญี่ปุ่นก็จะสูญเสียข้อได้เปรียบทั้งหมด ครอบครัวของฉันมีรถยนต์ 4 คัน (Toyota 2 คัน, Nissan 1 คัน และ BYD 1 คัน) ฉันชอบรถยนต์ญี่ปุ่น แต่ฉันชอบขับรถ EV มากกว่า คงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีกว่าที่รถญี่ปุ่นของฉันจะถูกแทนที่ หากญี่ปุ่นไม่มีอะไรให้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อรถยนต์จีนเพิ่ม

ความเห็นของ @jaredspencer3304 บอกว่า "เป็นสารคดีที่ยอดเยี่ยม สิ่งหนึ่งที่คุณอาจสังเกตเห็นได้คือผู้จัดการชาวไทยหลายคนในบริษัทญี่ปุ่นพูดภาษาญี่ปุ่น บริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยมีชื่อเสียงในด้านการกำหนดวัฒนธรรมของพนักงานอย่างเข้มงวด รวมถึงบังคับให้พวกเขาเรียนรู้และพูดภาษาญี่ปุ่น จากที่ผมได้ยินมา บริษัทจีนไม่มีความคาดหวังเช่นนั้น นอกจากเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นแล้ว นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่พนักงานชาวไทยย้ายจากบริษัทญี่ปุ่นมาทำงานที่บริษัทจีน"

ความเห็นของ @RangKlos บอกว่า "ฉันเป็นคนไทย ตลอดชีวิตผู้ใหญ่ของฉัน ฉันเห็นบริษัทผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นคอยทำลายความไว้วางใจของลูกค้าชาวไทยราวกับว่าไม่มีวันพรุ่งนี้ น่าเสียดายที่ยังมีวันพรุ่งนี้อยู่ พรุ่งนี้เป็นของผู้ผลิตรถยนต์จีน"

ความเห็นของ @wisuwatbhosri9971 บอกว่า "ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นต้องโทษตัวเอง พวกเขาเริ่มต้นก่อน Nissan Leaf แต่ปฏิเสธที่จะผลิตในประเทศไทย และเนื่องจากความโลภเก่าๆ ที่ใช้ข้อเท็จจริงที่ว่ารัฐบาลไทยมีภาษีนำเข้ารถยนต์สูง พวกเขาจึงเรียกเก็บเงินจากผู้บริโภคชาวไทยด้วยราคารถยนต์หรูเท่ากับรถยนต์ทั่วไป เช่น Camry หรือ Accord มีเพียงรถบรรทุก Toyota และ Isuzu เท่านั้นที่จะอยู่รอดในประเทศไทย"

ความเห็นของ @ramadhanisme7 บอกว่า "เรียกมันว่ากรรม ผู้ผลิตชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขายโลงศพแบบมีล้อราคาถูก (หรือที่เรียกว่าไม่ปลอดภัยตามมาตรฐาน Ncap ของยุโรป) แต่ราคาสูงเกินจริงมาก และตอนนี้ผู้ผลิตชาวจีนขายรถที่ปลอดภัยกว่าในราคาที่ถูกกว่าโลงศพของญี่ปุ่นเสียอีก"

Photo by AFP / CHINA OUT

TAGS: #EVจีน