KJ Noh ผู้สื่อข่าว และนักวิเคราะห์สถานการณ์โลกชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ได้ให้สัมภาษณ์กับช่อง Li Jingjing 李菁菁 (ช่องของนักข่าวนักวิเคราะห์ชาวจีน) เกี่ยวกับการที่ ยุน ซอก-ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึก จนกระทั่งนำไปสู่วิกฤตการทางการเมืองในประทศจนกระทั่งในเวลานี้
สถานการณ์ล่าสุดก็คือ แม้รัฐสภาจะทำการถดถอน ยุน ซอก-ยอล จากตำแหน่งแล้วตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2024 และจะมีการดำเนินคดี แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมตัว ยุน ซอก-ยอล ออกมาจากบ้านพักได้เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2025 ในวันเดียวกันนั้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า แอนโธนี บลิงเคน จะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ โดยมีภารกิจยืนยันความเป็นพันธมิตร "แบบแน่นหนา" ของสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้โดยถือเป็นการเดินทางเยือนโซลครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ความพยายามประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ที่ล้มเหลวเมื่อเดือนที่แล้ว
แต่เบื้องลึกเบื้องหลังตามทัศนะของ KJ Noh ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นคือวงจรที่สหรัฐจัดตั้งเผด็จการ จากนั้นชาวเกาหลีก็ทำการโค่นล้มเผด็จการ แล้วสหรัฐฯ ก็ตั้งเผด็จการขึ้นมาอีก เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในปี 1948, 1960, 1972, 1979, 1980, 1987, 2015 แล้วก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
"ยุน ซอก-ยอล คือคนของวอชิงตัน (รัฐบาลสหรับ) ในโซล ไม่มีใครที่ผมรู้จักที่จะมีความเคารพในตัวเขาในฐานะนักการเมือง เขาคือคนที่ไม่เคยได้รัยเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่งใดๆ มาก่อนในชีวิต จนกระทั่งจู่ๆ ก็กลายมาเป็นคนโปรดของพวกอเมริกัน เพราะนโญบายของเขา นโยบายการต่างประเทศของเขา ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่ตรงเผงกับนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐในเอเชีย มันคือ "ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก" ของสหรัฐ มันคือโคลนที่ลอกแบบมาจาก"ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก" ของสหรัฐ"
KJ Noh ชี้ว่าและด้วยเหตุนี้ ยุน ซอก-ยอล ผู้ซึ่งไม่มีประสบการณ์ เบื้องหลัง หรือแม้แต่ความชอบธรรม ก็ได้กลายมาเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อเขากลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เขาบอกว่า "ผมจะเปลี่ยนประเทศนี้ให้เป็นสาธารณรัฐแห่งการดำเนินคดีโดยรัฐ" (ตัวเขาเป็นอัยการเก่า) ซึ่งเขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ เขาดำเนินการเอาผิดกับสหภาพแรงงานต่างๆ ดำเนินคดีกับองค์กรด้านสันติภาพนานา และดำเนินคดีกับแรงงาน สื่อมวลชน และกับทุกๆ คน ส่วนประชาสังคมนั้นเขาก็เหยียบย้ำมันเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าของเขา
"และสหรัฐก็เอาแต่ยกย่องเขา โดยบอกว่า ผู้ชายคนนี้คือผู้นำของรัฐที่เป็นจุดเปลี่ยนของโลก และเขาคือผู้นำการต่อสู้ของประเทศประชาธิปไตยต่อระบอบอำนาจนิยม แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือเขาประกาศตัวเป็นเผด็จการของเกาหลีใต้ด้วยการประกาศกฎอัยการศึก เมื่อคุณประกาศกฎอัยการศึก ก็เท่ากับบอกว่าประเทศในตอนนี้อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร แน่นอนว่า ยุน ซอก-ยอลได้ทำการสละความชอบธณรมของตัวเองไปอย่างหมดสิ้น เขาอ้างว่าเขาเป็นผู้กอบกู้ระบอบประชาธิปไตยอะไรทำนองนั้น แต่ที่จริงเขากลายเป็นเผด็จการทหารเกาหลีใต้ทั่วๆ ไปเท่านั้นเอง นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจะเป็น" KJ Noh กล่าว
KJ Noh กล่าวต่อไปว่า สหรัฐอ้างว่าเกาหลีใต้เป็นที่พึ่งพาของระบอบประชาธิปไตยอะไรทำนองนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่ พวกเขาแค่ใช้การโฆษณาชวนเชื่อเพราว่ามันช่วยสนองเป้าหมายของพวเขาในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ มันดูเหมือนว่าจะมีแผนการอะไรบางอย่างที่จะจุดชนวนสงครามกับเกาหลีเหนือ และใช้ข้ออ้างนั้นในการประกาศกฎอัยการศึก ความจริงก็คือ การเริ่มจุดชนวนสงครามกับเกาหลีเหนือเป็นสิ่งที่สุ่มเสี่ยงมากๆ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่ผู้คนจะต้องเข้าใจก็คือ เกาหลีใต้ไม่ใช่รัฐที่มีอธิปไตย มันคืออาณานิคมใหม่ของสหรัฐ (US neo-colony)
ตัวอย่างที่ดีที่สุดของข้อเท็จจริงที่ว่าเกาหลีใต้อาณานิคมใหม่ของสหรัฐ หรือเป็นรัฐเครือญาติ หรือรัฐบริวาร ก็คือสหรัฐมีอำนาจควบคุมปฏิบัติการเหนือการทหารของเกาหลีใต้ ในทันทีที่เกาหลีใต้ประกาศสถานะกฎอัยการศึก หรือเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม
"ถ้ามีสถานการณ์แบบนี้ ที่ประธานาธิบดีที่สหรัฐโปรดปรานประกาศกฎอัยการศึก โดยอ้างว่าจะทำสงครามกับเกาหลีเหนือในฐานะการอ้างความชอบธรรมในการประกาศกฎอัยการศึก สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือทหารเกาหลีใต้ 500,000 นาย บวกกับกำลังสำรองอีก 3.1 ล้านนายจะอยู่ภยใต้การควบคุมปฏิบัติการของสหรัฐในทันที พูดอีกอย่าง เรามีสถานการณ์ที่เตรียมการทั้งคาบสมุททรที่จะทำสงครามกับจีน และจะสร้างภาวะอันตรายด้านศีลธรรมในการยกระดับไปสู้การทำสงคราม ดังนั้น มันจึงเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมากๆ เป็นสถานการ์ที่สุ่มเสี่ยงและหมิ่นเหม่มากๆ สำหรับเกาหลีใต้ในตอนนี้" KJ Noh กล่าว
เรียบเรียงโดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ผู้ประท้วงถือธงชาติสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ระหว่างการชุมนุมสนับสนุนประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอก-ยอล ที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ในเขตกวางฮวามุน กรุงโซล เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2025 (ภาพโดย Philip FONG / AFP)