อังกฤษเตรียมแจกบุหรี่ไฟฟ้าฟรี และให้เงินอีก 400 ปอนด์ เร่งแผนลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ในทุกกลุ่ม
รัฐบาลอังกฤษเผยมาตรการใหม่ ตั้งเป้าลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ให้ต่ำกว่า 5% ภายในปี 2573 เตรียมแจกบุหรี่ไฟฟ้าชุดตั้งต้น 1 ล้านชิ้น และให้เงินสนับสนุน 400 ปอนด์กับสตรีที่ตั้งครรภ์เพื่อจูงใจให้เลิกบุหรี่ พร้อมเตรียมหารือกับผู้ผลิตบุหรี่จัดทำคำแนะนำเพื่อการเลิกบุหรี่ในซองบุหรี่
มาตรการดังกล่าวยังรวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดปราบปรามการขายบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายและการป้องกันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน
รายงานข่าวระบุว่าประมาณ 1 ใน 5 ของผู้สูบบุหรี่ในอังกฤษจะได้รับบุหรี่ไฟฟ้าชุดตั้งต้น (Starting kit) พร้อมคำแนะนำในการเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยให้การเลิกสูบบุหรี่ประสบผลสำเร็จ
มร. นีล โอ ไบรอัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษกล่าวเมื่อวันอังกคารที่ 10 เมษายนที่ผ่านมาว่าอังกฤษเป็นประเทศแรกในโลกที่มีมาตรการแจกบุหรี่ไฟฟ้าฟรีเพื่อสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน
“สองในสามของผู้ติดบุหรี่จะเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวกับการสูบบุหรี่ และบุหรี่ถือเป็นสินค้าเดียวที่ฆ่าชีวิตผู้บริโภคแม้ว่าเราจะใช้มันอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม”
ประมาณการณ์ระบุว่าประมาณ 9% ของสตรีที่ตั้งครรภ์ยังคงสูบบุหรี่ ดังนั้น รัฐบาลจึงได้มีโครงการทดลองเพื่อสนับสนุนเงินจูงใจให้กับกลุ่มสตรีเหล่านี้เพื่อให้สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้
กรมส่งเสริมสุขภาพและสังคมกล่าวเสริมว่ากรมฯ จะระบุรายละเอียดในภายหลังว่ามาตรการดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร
หน่วยงานระดับท้องถิ่นในอังกฤษจะได้รับการเชิญให้เข้าร่วมดำเนินมาตรการแจกบุหรี่ไฟฟ้าฟรีในเฟสแรกก่อนที่จะมีการขยายกรอบการดำเนินงานไปยังทั่วประเทศภายในอีก 2 ปีข้างหน้า
มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 45 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการสนับสนุนจากงบประมาณด้านสาธารณสุข แต่จะดำเนินการจะกระทำโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของหน่วยงานท้องถิ่น
นาง เดบอร่า อาร์โนตต์ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการเลิกสูบบุหรี่ หรือ ASH UK แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการนี้ว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แต่ยังคงกังวลว่าการดำเนินการของรัฐบาลในครั้งนี้อาจจะยังไม่เพียงพอให้ประเทศอังกฤษบรรลุเป้าหมายประเทศไร้ควันภายในปี 2573
เมื่อปี 2561 ประเทศอังกฤษตั้งเป้าว่าจะเป็นประเทศปลอดบุหรี่ โดยจะทำให้อัตราการสูบบุหรี่ภายในประเทศลดลงต่ำกว่า 5% ทั้งนี้ ในปี 2564 อัตราการสูบบุหรี่ในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 13% ซึ่งถือเป็นอัตราการสูบบุหรี่ที่ต่ำที่สุดในประวิติการณ์ อย่างไรก็ตาม จากรายงานหัวข้อ “การทำให้บุหรี่เป็นเพียงอดีต” เผยแพร่ในเวปไซด์กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษชี้ว่าการบรรลุเป้าหมายประเทศปลอดบุหรี่ภายในปี 2567 อาจจะล่าช้าไปถึง 7 ปีหากรัฐบาลไม่มีมาตรการอื่นๆ เข้ามาเสริม
ดร. เจฟ ข่าน ผู้เขียนรายงานฉบับดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการใหม่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งรวมถึงการห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ภายนอกอาคาร เช่น หาดหรือ ลานเบียร์
ดร. เจฟ ยังได้เสนอให้เพิ่มอายุขั้นต่ำในการซื้อบุหรี่จาก 18 ปี และให้มีการเพิ่มขั้นทุกๆ ปี จนกระทั่งไม่มีใครในประเทศสามารถซื้อบุหรี่ได้
รายงานฉบับดังกล่าวยังได้เสนอให้สนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือทดแทนการสูบบุหรี่ แต่ก็ยังคงย้ำว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช้ “ซิลเวอร์ บุลเล็ต” หรือไม้ตายเพียงหนึ่งเดียวในการช่วยเลิกบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า แต่ก็ยังคงมีความกังวลเรื่องการเพิ่มขึ้นของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพ (NSH) เมื่อปีที่ผ่านมาชี้ว่านักเรียนระดับชั้นมัธยมประมาณ 9% ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นครั้งคราวและเป็นประจำ
รัฐบาลอังกฤษจึงได้ออกประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะกำหนดระเบียบและมาตรฐานใหม่เพื่อบังคับใช้กฎหมายในการกวาดล้างการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมายให้กับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
รวมทั้งจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อหาแนวทางในการป้องกันเยาวชนจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า