ข้อมูลของรัฐบาลเวียดนามเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่าเศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตมากกว่า 7% ในปี 2024 แรงเกินคาดด้วยการส่งออกที่เพิ่มขึ้น
ศูนย์กลางการผลิตระดับโลกแห่งนี้ได้รับประโยชน์จากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น แม้จะประสบกับความสูญเสียหลายพันล้านดอลลาร์จากพายุไต้ฝุ่นยากิที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย
อัตราการเติบโต 7.09% สูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 6.5% สำหรับปีนี้ รวมถึงการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่สำรวจโดย Bloomberg News
อัตราการเติบโตที่สูงนี้ทำให้ประเทศมี "โมเมนตัมสำคัญสำหรับปี 2025" Nguyen Thi Huong หัวหน้าสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) กล่าว
เวียดนามมีรายได้จากการส่งออก 405,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ทโฟน และเสื้อผ้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน GSO ระบุในรายงาน
สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
การเติบโตที่โดดเด่นเกิดขึ้นแม้จะมีการสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์จากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะพายุไต้ฝุ่นยางิ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 300 รายเมื่อพัดถล่มในเดือนกันยายน
มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายมากกว่า 200 รายจากดินถล่ม น้ำท่วม และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศอื่นๆ ในปี 2024 ขณะที่วัว ไก่ และเป็ดตายมากกว่า 5.4 ล้านตัว และพื้นที่เพาะปลูก 410,000 เฮกตาร์ถูกทำลาย
ในไตรมาสที่สี่ของปี 2024 การเติบโตทางเศรษฐกิจจากปีก่อนอยู่ที่ 7.55%
รัฐบาลคอมมิวนิสต์ของเวียดนามตั้งเป้าที่จะขยายเศรษฐกิจให้ได้ถึง 8% ในปีนี้ ซึ่งหัวหน้าสำนักงานสถิติแห่งชาติ Nguyen Thi Huong กล่าวว่าเป้าหมายดังกล่าวจะเป็น "ความท้าทายครั้งใหญ่"
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เวียดนามจำเป็นต้องควบคุมนโยบายการคลังอย่างยืดหยุ่น รักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย และ "จำกัดการขึ้นราคากะทันหันเพื่อลดผลกระทบต่อเงินเฟ้อและชีวิตของประชาชนให้น้อยที่สุด" Nguyen Thi Huong กล่าว
เวียดนาม ซึ่งเป็นปรเะทศคอมมิวนิสต์ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานท่ามกลางเศรษฐกิจของเอเชีย แม้ว่าจะประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปีที่แล้วก็ตาม ในปี 2023 เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตขึ้น 5.05%
Agence France-Presse
Photo - TOPSHOT - แฟนบอลชูหมวกทรงกรวยเอเชียสีธงชาติเวียดนามและรูปโฮจิมินห์ก่อนเริ่มการแข่งขันฟุตบอลอาเซียน อิเล็กทริก คัพ 2024 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ระหว่างเวียดนามกับไทย ที่สนามกีฬาเวียดตรี ในจังหวัดฟู้เถาะ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2025 (ภาพถ่ายโดย NHAC NGUYEN / AFP)