"ยุโรปจบสิ้นแล้ว" เพราะหมดสิ้นอำนาจและกลายเป็นกลุ่มประเทศที่ไร้ความสำคัญ

ยานิส วารูฟาคิส (Yanis Varoufakis) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของกรีซ และเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านระบอบทุนนิยมรวบอำนาจ รวมถึงนักวิจารณ์สถานการณ์โลกที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ได้กล่าวในรายการ Novara Media ว่า "ยุโรปจบสิ้นแล้ว"

ทำไมยุโรปถึงมาถึงจุดจบได้? วารูฟาคิส กล่าวว่า เพราะยุโรปไม่มีผู้นำที่มีอิทธิพลที่เป็นที่ยอมรับ เช่น สมมติว่ามีการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ผู้ที่เขาร่วมก็จะต้องมีเซเลนสกีของยูเครน ปูตินของรัสเซีย สีจิ้นผิงของจีน และไบเดน (หรือทรัมป์) ของสหรัฐ

"ใครจะเป็นตัวแทนของยุโรป? คุณลองถามตัวเองดูสิด้วยคำถามนั้น แล้วคุณจะตระหนักว่ายุโรปมันไร้ความสำคัญแค่ไหน เพราะยุโรปเคยมี แมร์เกิล (อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี) แมร์เกิลมีอำนาจทางการเมืองและบารมี แต่ ชอลทซ์ (นายกรับมนตรีเยอรมนีคนปัจจุบัน) ไม่ใช่อย่างนั้น มาครงก็ไม่มี ทำไมล่ะ? นั่นก็เพราะพวกเขาเป็นพวกที่ไร้ความสำคัญนั่นเองเมื่อเทียบกับแมร์เกิล และทุกสิ่งที่พวกเขาพูดจะถูกวีโตโดยรัฐบาลโปแลนด์  รัฐบาลลิทัวเนีย เอมโทเนีย ฟินแลนด์ และสวีเดน ซึ่งประเทศพวกนี้คิดว่าพวกเขา (ผู้นำเยอรมันและฝรั่งเศส) เป็นคนสนองคำสั่งของปูติน"

วารูฟาคิส ยังเป็นแกนนำของกลุ่ม DiEM25 หรือ Democracy in Europe Movement 2025 ซึ่งเป็นกลุ่มฝ่ายซ้ายต่อต้านทุนนิยมโลกาภิวัฒน์และส่งเสริมสวัสดิการถ้วนหน้า ในแถลงการณ์ของกลุ่มเรื่อง "สิ่งที่เราต้องทำในปี 2025" วารูฟาคิส กล่าวถึงยุโรปเอาไว้ว่า DiEM25 เคยมีความฝันถึงกอบกู้ยุโรปจากความเสื่อมของสหภาพยุโรป ซึ่งฉุดประชาชนของยุโรปลงสู่หล่มแห่งการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้คนและธรรมชาติอย่างโจ่งแจ้ง ความไม่เท่าเทียมกันที่แพร่หลาย การถดถอยทางเทคโนโลยี การต่อต้านชาวต่างชาติ และสงคราม

การที่สหภาพยุโรปใช้มาตรการลดสวัสดิการเพื่อคุ้มครองระบอบทุนนิยม จนกระทั่งความมั่งคั่งไหลเข้าสู่คนไม่กี่คนเป็นเวลา 15 ปี นำไปสู่การลดการใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมของยุโรปตอนเหนือและยุโรปตอนใต้กลายเป็นทะเลทราย เป็นผลให้ยุโรปพลาดการปฏิวัติทางเทคโนโลยีไปโดยสิ้นเชิง และขณะนี้กำลังอยู่ในภาวะถดถอยอย่างไม่สามารถย้อนกลับได้ ทั้งในด้านเทคโนโลยี การเงิน การเมือง และศีลธรรม

วารูฟาคิสชี้ว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับยุโรปไม่ต่างอะไรกับช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ ช่วงทศวรรษ 1930 และตอนนี้นั้นและตอนนี้ไม่ต่างกัน เขาบอกว่า "ในยุโรปยุคหลังสมัยใหม่ช่วงทศวรรษ 1930 แนวคิดฝ่ายกลางสุดๆ เป็นที่นิยมน้อยลงอย่างมาก บรัสเซลส์ (ศูนย์กลางของสหภาพยุโรป) ถูกมองว่าเป็นเมืองหลวงที่ความเป็นเหตุเป็นผลและประชาธิปไตยสิ้นสุดลง เมืองหลวงที่อำนาจที่ไร้การควบคุมและไม่เป็นประชาธิปไตยมาคู่กับความไม่รับผิดชอบของอาชญากร" 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คือการหวนกลับไปสู่ความล่มสลายเหมือนช่วงช่วงทศวรรษ 1930 นั่นคือการขยายตัวของฝ่ายขวาจัดที่ต่อต้านคนต่างชาติ และโน้มเอียงไปในทางอำนาจนิยม

"ในยุโรปยุคหลังสมัยใหม่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 นี้ เช่นเดียวกับช่วงทศวรรษที่ 1930 มีเพียงพวกต่อต้านชาวต่างชาติและพวกฟาสซิสต์ (ที่แอบแฝงอยู่) เท่านั้นที่เติบโตได้ เช่นเดียวกับช่วงทศวรรษที่ 1930 ผู้มีแนวคิดกลางๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกำลังปูทางให้พวกเขา ทางเลือกสุดท้ายของผู้นำสหภาพยุโรปคือพยายามเอาชนะฝ่ายขวาที่ต่อต้านชาวต่างชาติอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันก็เสริมกำลังให้กับฝ่ายกลางที่พังทลายลง อนิจจา เช่นเดียวกับช่วงทศวรรษที่ 1930 ฝ่ายขวาที่ต่อต้านชาวต่างชาติอย่างรุนแรงจะกลืนกินพวกเขา"

ก่อนหน้านี้ วารูฟาคิส กล่าวไว้เมื่อเดือนเมษายนปี 2024 ว่า "ทำไมยุโรปจึงเสื่อมถอยลง ทำไมจึงกลายเป็นทวีปที่น่ารังเกียจ โหดร้าย โง่เขลา และไม่เกี่ยวข้องกับส่วนอื่นของโลก" เขาชี้ว่า "เพราะ 20 ปีแห่งการใช้มาตรการรัดเข็มขัดกับคนส่วนใหญ่ (หมายถึงการลดสวัสดิการประชาชน) รวมกับการใช้สังคมนิยมกับนักการเงิน (หมายถึงการให้สวัสดิการเพื่ออุ้มนายทุน) ที่ทำลายการลงทุนในสิ่งที่ยุโรปต้องการอย่างยิ่ง นั่นคือเหตุผล (ที่ยุโรปเสื่อมถอย)"

"ไม่ใช่ความผิดพลาด ความเสื่อมถอยของยุโรปไม่ได้เกิดจากความล้มเหลวของระบบ แต่เกิดจากระบบของสหภาพยุโรปทำงานได้ตรงตามที่ออกแบบไว้ ประเด็นสำคัญคือ ชนชั้นปกครองของอเมริกาและยุโรปดำเนินการบนพื้นฐานของข้อตกลงมืด (Dark Dea) ที่พวกเขาทำขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 หลังจากการล่มสลายของระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)" วารูฟาคิส กล่าวและอธิบายว่า "อเมริกาทำให้กลุ่มทุนยุโรปยังคงร่ำรวยตราบเท่าที่พวกเขาส่งกำไรเป็นดอลลาร์ไปที่อเมริกาเพื่อระดมทุนให้กับวอชิงตัน เพื่อให้วอลล์สตรีทมีสภาพคล่อง และเพื่อให้ชาวอเมริกันที่หากำไรแบบนี้มีชีวิตที่หรูหรา"

เพื่อที่จะร่ำรวยด้วยดอลลาร์ต่อไป นักทุนยุโรปจำเป็นต้องใช้เงินยูโรเพื่อปล้นสะดมชาวยุโรปที่ยากจน แต่พวกเขาไม่ต้องการเงินยูโรที่แข่งขันกับเงินดอลลาร์ เนื่องจากผลกำไรของพวกเขาขึ้นอยู่กับสิทธิพิเศษอันสูงเกินจริงของเงินดอลลาร์ นี่เป็นสาเหตุที่ชนชั้นปกครองของยุโรปจะสนับสนุนสงครามใดๆ ก็ตามที่เรียกร้องโดยกลุ่มอุตสาหกรรมการทหารของสหรัฐฯ 

เพื่อที่จะกอบกู้ยุโรปจากความมล่มสลาย วารูฟาคิส ในนามของกลุ่ม DiEM25 จึงเสนอใมีการห้ลงโทษการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนักทุกแห่ง (เพื่อป้องกันการผงาดขึ้นมาของฝ่ายขวา) ริเริ่มรายได้พื้นฐานให้กับชาวยุโรป (หรือเงินเดือนประจำทุกคนเพื่อส่งเสริมรัฐสวัสดิการ) ยุติการพึ่งพาของมนุษยชาติในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล "ที่จะทำลายสิ่งที่เหลืออยู่ของโลกของเรา" และส่งเสริมประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ นั่นคือระบอบเศรษฐกิจที่มีความเท่าเทียมกันในการกระจายความมั่งคั่ง ไม่ใช่ระบอบที่เอื้อทุนนิยมที่มีคนไม่กี่คนที่ร่ำรวยอยู่ตลอดเวลา 

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo  - ยานิส วารูฟาคิส หัวหน้าพรรคฝ่ายซ้าย MERA25 กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการชุมนุมหาเสียงหลักของพรรคในกรุงเอเธนส์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2023 ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในกรุงเอเธนส์ที่กำหนดไว้ในวันที่ 21 พฤษภาคม (ภาพถ่ายโดย Spyros Bakalis / AFP)

TAGS: #ยุโรป #สหภาพยุโรป #YanisVaroufakis