ในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีได้มีรายงานว่ากำลังวางแผนที่จะออกคำสั่งฝ่ายบริหาร "เกือบร้อยฉบับ" ซึ่งรวมถึง:
ควบคุมชายแดนและสกัดผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนเม็กซิโก
“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการทหารแต่ละแห่ง ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับ จะต้องสั่งการให้หน่วยงานหรือสมาชิกของกองกำลังติดอาวุธ รวมทั้งกองหนุนพร้อมรบและหน่วยป้องกันชาติ จำนวนเท่าใดก็ได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพิจารณาว่าเหมาะสม เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ในการควบคุมการปฏิบัติการทั้งหมดของพรมแดนทางใต้ของสหรัฐอเมริกา”
นโยบายของชาติคือการป้องกันชายแดน
“นโยบายของสหรัฐฯ คือการดำเนินการที่เหมาะสมทั้งหมดเพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดนของประเทศ” ซึ่งรวมถึงการสร้างกำแพงและการเนรเทศผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย
การปรับแนวทางการรับผู้ลี้ภัยของสหรัฐฯ
สหรัฐฯ จะ “รับเฉพาะผู้ลี้ภัยที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสหรัฐฯ ได้อย่างสมบูรณ์และเหมาะสม และเพื่อให้แน่ใจว่าสหรัฐฯ จะรักษาทรัพยากรของผู้เสียภาษีไว้สำหรับพลเมืองของตน”
ปรับบทบาทของกองทหารเพื่อช่วยคุ้มกันพรมแดน
“นโยบายของสหรัฐฯ คือการทำให้แน่ใจว่ากองทัพสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการปกป้องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของสหรัฐฯ ตามแนวชายแดนประเทศของเราเป็นอันดับแรก”
ยุติการให้สัญชาติโดยกำเนิดแก่ผู้อพยพผิดกฎหมาย
“เป็นนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่หน่วยงานหรือแผนกของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะไม่ออกเอกสารที่รับรองความเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา หรือยอมรับเอกสารที่ออกโดยรัฐบาลท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นที่อ้างว่ารับรองความเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ให้กับบุคคลดังต่อไปนี้:
(1) เมื่อแม่ของบุคคลนั้นอยู่ในสหรัฐอเมริกาโดยผิดกฎหมายและพ่อของบุคคลนั้นไม่ใช่พลเมืองสหรัฐอเมริกาหรือผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมายในเวลาที่บุคคลดังกล่าวเกิด หรือ
(2) เมื่อแม่ของบุคคลนั้นอยู่ในสหรัฐอเมริกาโดยถูกกฎหมายแต่เป็นการชั่วคราว และพ่อของบุคคลนั้นไม่ใช่พลเมืองสหรัฐอเมริกาหรือผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมายในเวลาที่บุคคลดังกล่าวเกิด”
นำนโยบาย Remain in Mexico กลับมาใช้
นี่เป็นโยบายตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกาที่เริ่มบังคับใช้ครั้งแรกในเดือนมกราคม 2019 ภายใต้การบริหารสมัยแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกำหนดให้ผู้อพยพที่ต้องการขอสถานะผู้ลี้ภัยต้องอยู่ในเม็กซิโกจนกว่าจะถึงวันนัดขึ้นศาลตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ นโยบายดังกล่าวถูกยุติลงโดยรัฐบาลของไบเดนในตอนแรก อย่างไรก็ตาม ในเดือนธันวาคม 2022 ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้สั่งห้ามรัฐบาลของไบเดนยุติโครงการ Remain in Mexico
นโยบายด้านสังคมและค่านิยมในประเทศ
กำหนดให้กลุ่มค้ามนุษย์เป็นองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ
รัฐบาลทรัมป์กำหนดให้กลุ่มอาชญากรและกลุ่มอื่นๆ เป็นองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศและเป็นผู้ก่อการร้ายระดับโลกโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นคำจำกัดความทางกฎหมายที่แยกจากกัน 2 ประการ วิธีนี้ทำให้สหรัฐฯ สามารถกำจัดสมาชิกของกลุ่มต่างๆ เช่น Tren de Aragua และ MS-13 ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้ง่ายขึ้น
รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับเพศเพียงสองเพศ (ชายและหญิง)
“เราจะสร้างสังคมที่ไม่สนใจสีผิวและยึดตามผลงาน (คุณธรรม)" และ “นับจากวันนี้เป็นต้นไป นโยบายอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ จะเป็นไปดังนี้ มีเพียงเพศเดียวคือชายและหญิง” พร้อมกันนนี้ ยกเลิกนโยบายความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว (Diversity, equity, and inclusion หรือ DEI) ของรัฐบาลกลาง
ให้สำนักงานหน่วยราชการมีสถาปัตยกรรมที่ชัดเจน
ให้เจ้าหน้าที่ "ส่งคำแนะนำถึงผมภายใน 60 วัน เพื่อผลักดันนโยบายที่ว่าอาคารสาธารณะของรัฐบาลกลางควรสามารถระบุตัวตนได้ว่าเป็นอาคารสาธารณะ และเคารพมรดกทางสถาปัตยกรรมระดับภูมิภาค แบบดั้งเดิม และแบบคลาสสิก เพื่อยกระดับและตกแต่งพื้นที่สาธารณะ และทำให้สหรัฐอเมริกาและระบบการปกครองตนเองของเรามีเกียรติ"
การสั่งให้บรรเทาราคาฉุกเฉิน
“ข้าพเจ้าขอสั่งให้หัวหน้าฝ่ายบริหารและหน่วยงานทั้งหมดส่งมอบการบรรเทาราคาฉุกเฉินตามกฎหมายที่บังคับใช้ให้กับประชาชนชาวอเมริกันและเพิ่มความเจริญรุ่งเรืองให้กับคนงานชาวอเมริกัน”
ออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทรัมป์ประกาศความตั้งใจที่จะถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีสในปี 2017 แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจนกระทั่งวันที่ 4 พฤศจิกายน 2020 ซึ่งเป็นหนึ่งวันหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งท้ายที่สุดแล้วไบเดนก็เป็นผู้ชนะ ซึ่งในวันแรกของวาระการดำรงตำแหน่ง ไบเดนประกาศความตั้งใจที่จะกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสอีกครั้ง จนกระทั่งในวันแรกของวาระที่สองของทรัมป์ในเดือนมกราคม 2025 ทรัมป์สั่งถอนตัวจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง เนื่องจากเขาพยายามที่จะเพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลของสหรัฐฯ
ประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานระดับชาติ"
เร่งดำเนินการจัดหาใบอนุญาตขุดเจาะน้ำมัน
“นโยบายของสหรัฐอเมริกาคือการสนับสนุนการสำรวจและผลิตพลังงานบนผืนดินและแหล่งน้ำของรัฐบาลกลาง รวมถึงบนไหล่ทวีปด้านนอก เพื่อตอบสนองความต้องการของพลเมืองของเราและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำด้านพลังงานระดับโลกในอนาคตอันยาวไกล” และรับรองว่า “มีแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้อย่างเพียงพอในทุก ๆ รัฐและเขตปกครองของประเทศ”
ยกเลิก ‘ข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV)’
เหตุผลของทรัมป์ก็คือ “เพื่อรับประกันว่าแผนกและหน่วยงานบริหารทั้งหมด (หน่วยงาน) เปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นและวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ (เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ) อย่างเข้มงวดผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ” จึงยุติกฎระเบียบของรัฐบาลกลางที่ส่งเสริมการขายรถยนต์ไฟฟ้า
การปฏิรูประบบราชการรัฐบาลกลาง
การหยุดจ้างงานชั่วคราวในหน่วยงานราชการ
จนกว่ารัฐบาลทรัมป์จะเข้ามาบริหารประเทศอย่างเต็มรูปแบบ “ภายใน 90 วันนับจากวันที่บันทึกข้อตกลงนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและงบประมาณ (OMB) จะต้องปรึกษาหารือกับผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและงบประมาณและผู้ดูแลหน่วยงาน DOGE ของสหรัฐอเมริกา (USDS) เพื่อส่งแผนลดขนาดกำลังคนของรัฐบาลกลางผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพและการลดจำนวนพนักงาน”
การตรึงการออกกฎระเบียบของรัฐบาลกลาง
“ห้ามเสนอหรือออกกฎเกณฑ์ใดๆ ในลักษณะใดๆ รวมทั้งการส่งกฎเกณฑ์ไปยังสำนักงานทะเบียนกลาง (the "OFR") จนกว่าหัวหน้าแผนกหรือหน่วยงานที่ได้รับการแต่งตั้งหรือกำหนดโดยประธานาธิบดีหลังเที่ยงวันของวันที่ 20 มกราคม 2025 จะตรวจสอบและอนุมัติกฎเกณฑ์ดังกล่าว”
ให้หน่วยงานรัฐกลับไปทำงานแบบพบหน้ากัน
“หัวหน้าแผนกและหน่วยงานทั้งหมดในฝ่ายบริหารของรัฐบาลจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมดโดยเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้เพื่อยุติการทำงานจากระยะไกลและกำหนดให้พนักงานกลับไปทำงานแบบพบหน้ากันที่สถานีประจำการของตนแบบเต็มเวลา โดยที่หัวหน้าแผนกและหน่วยงานจะต้องยกเว้นในกรณีที่เห็นว่าจำเป็น”
ปฏิรูป-กุมอำนาจกระบวนการยุติธรรม
ยุติการใช้ระบบราชการเป็นอาวุธทางการเมือง
“อัยการสูงสุดจะหารือกับหัวหน้าหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา ดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อทบทวนกิจกรรมของหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ที่ใช้บังคับกฎหมายแพ่งหรืออาญาของสหรัฐอเมริกา”
อภัยโทษผู้สนับสนุนเขาที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด
“ให้มีการอภัยโทษอย่างสมบูรณ์ และไม่มีเงื่อนไขแก่บุคคลอื่นทั้งหมดที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในความผิดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หรือใกล้อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021”
การฟื้นฟูโทษประหารชีวิต
“อัยการสูงสุดจะดำเนินการลงโทษประหารชีวิตสำหรับอาชญากรรมทุกประเภทที่มีความร้ายแรงถึงขั้นต้องใช้โทษประหารชีวิต”
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารในห้องโอวัลออฟฟิศของทำเนียบขาวในวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 (ภาพโดย Jim WATSON / POOL / AFP)