เบื้องหลังเบื้องลึกของ DKBA กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธที่กล้าท้าชน'จีนเทา'และกองทัพ BGF

เบื้องหลังเบื้องลึกของ DKBA กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธที่กล้าท้าชน'จีนเทา'และกองทัพ BGF

ข้อมูลเบื้องหลัง

  • เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ กองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) ออกแถลงการณ์ขับไล่ชาวจีนที่ทำธุรกิจฉ้อโกงตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ให้ออกจากพื้นที่ตำบลพญาตองซู ในรัฐกะเหรี่ยง ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พร้อมเตือนว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามจะต้องรับการลงโทษตามกฎหมายท้องถิ่น และยังประกาศควบคุมชาวจีนอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้นด้วยโดยไม่ให้เข้ามาในพญาตองซู พร้อมย้ำว่ามีคำสั่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพหลอกเอาเงินออนไลน์เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขตตำบลพญาตองซู
  • แถลงการณ์ของ DKBA ระบุว่า รัฐบาลไทยได้ตัดกระแสไฟฟ้าและเชื้อเพลิงในตำบลพญาตองซู เพื่อปราบปรามการฉ้อโกงทางออนไลน์ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่ประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในเมืองและป้องกันไม่ให้ธุรกิจฉ้อโกงทางออนไลน์เข้ามาตั้งถิ่นฐานในตำบลพญาตองซู DKBA จึงได้ออกแถลงการณ์สั่งให้ชาวจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น คาสิโนและธุรกิจอาหารในตำบลพญาโทนูเนซู ออกจากพื้นที่ภายในวันดังกล่าว 
  • นอกจากนี้ สำนักงานบัญชาการกลาง DKBA ยังได้ออกแถลงการณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยสั่งปิดร้านเกมและร้าน Our Day ทั้งหมดที่ดำเนินการโดย DKBA ในและรอบๆ เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง โดยส่งจเหมายแจ้งดังกล่าวได้ส่งไปยังกองบัญชาการทหาร DKBA ฐานทัพทหารเชิงยุทธศาสตร์ กองพัน กรม และกองทหารทั้งหมดให้ปิดร้านเกมและร้านค้าประจำวันทั้งหมดอย่างถาวรตามคำสั่งของ DKBA เพื่อสวัสดิการของสมาชิกทุกคนและครอบครัวของกองกำลัง  

DKBA เปฺ็นใครและมาจากไหน?
DKBA เป็นชื่อย่อของ 'กองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย' (Democratic Karen Buddhist Army) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธประกอบด้วยทหารและเจ้าหน้าที่ชาวกะเหรี่ยงที่นับถือศาสนาพุทธที่แยกตัวออกจากกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ที่นำโดยกระเหรี่ยงคริสเตียน และเป็นหนึ่งในกลุ่มกบฏที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมาโดยขึ้นอยู่กับ 'สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง' หรือ KNU อันเป็นองค์กรด้านการเมือง 

สาเหตุความขัดแย้งจนนำไปสู่การแยกตัวของ DKBA จาก KNLA มีหลายปัจจัย แต่เรื่องหนึ่งเกิดขึ้นมาจากกรณีที่พระภิกษุชาวกะเหรี่ยงชื่อ อู สุชนะ หรือ อู ตุซะนะ (U Thuzana)  ได้เริ่มรณรงค์สร้างเจดีย์ในรัฐกะเหรี่ยงในปี 1992 รวมถึงที่สำนักงานใหญ่ของ KNU ในมู่บ้านมาเนอปลอว์ ด้วย แต่นายพลโบเมียะผู้นำของ KNU ไม่ยอมให้สร้างเจดีย์ โดยอ้างว่าเจดีย์จะเป็นเป้าในการโจมตีทางอากาศของรัฐบาล 

ดังนั้น พระภิกษุ อู สุชนะจึงเริ่มสนับสนุนให้ทหาร KNLA ที่เป็นกะเหรี่ยงพุทธแยกตัวจากกองทัพหลัก หลังจากเกิดการปะทะกันสองสามครั้งและการเจรจาล้มเหลวในช่วงต้นเดือนธันวาคม 1994 DKBA จึงประกาศก่อตั้งและแยกตัวจาก KNU ในวันที่ 1 มกราคม 1995 ฝ่ายการเมืองของ DKBA ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ชาวพุทธ ชื่อว่าองค์กรกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 1994 

ต่อมา อู สุชนะ ได้เจรจาข้อตกลงกับพลตรี หม่อง ลาผู้บัญชาการกองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเมียนมา และพยายามโน้มน้าวชาวบ้านกะเหรี่ยงให้อพยพไปยังค่ายผู้ลี้ภัยที่ได้รับการคุ้มครองโดย DKBA นอกจากนี้ อู สุชนะ ยังพยายามโน้มน้าวทหารชาวพุทธของ KNLA ให้แปรพักตร์ไปอยู่กับ DKBA และช่วยเหลือกองทัพพม่าอีกด้วย 

ดังนั้น ไม่นานหลังจากแยกตัวจาก KNLA ในเดือนธันวาคม 1994 ฝ่าย DKBA ได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงิน โดยให้สนับสนุนการรัฐบาลในการโจมตีฝ่าย KNU และพันธมิตรต่อต้านรัฐบาล ดังนั้น สถานการณ์จึงกลับกลายเป็นว่า DKBA ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของ KNLA/KNU ซึ่งรบกับรัฐบาลทหารเมียนมา มาตอนนี้ DKBA กลายเป็นมิตรกับกองทัพเมียนมาและเป็นศัตรูกับกองกำลักะเหรี่ยงด้วยกัน 

นำไปสู่กะเหรี่ยงรบกะเหรี่ยง
การรวมพลังระหว่าง DKBA และ Tamadaw หรือ 'ตะมะดอ' ซึ่วหมายถึงกองทัพเมียนมา นำไปสู่การผนึกกำลังกันโจมตีหมู่บ้านมาเนอปลอว์อันเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ KNU และที่ตั้งของแนวร่วมประชาธิปไตยนักศึกษาพม่าทั้งหมด (ABSDF)

ในเดือนมกราคม 1995 กองทัพทหารพม่าและกองทัพ DKBA จำนวน 4,000 ถึง 10,000 นาย ได้บุกโจมตีมาเนอร์ปลอและยึดหมู่บ้านใกล้เคียงได้หลายแห่ง สันเขามินยอคีซึ่งถูกยึดครองโดยไม่ได้ยิงปืนแม้แต่นัดเดียว ทหารจากกองทัพ DKBA ช่วยเหลือกองทัพพม่าโดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของ KNLA และนำทางกองทัพเมียนมาผ่านป่าไปยังมาเนอร์ปลอ 

ขณะที่กองทัพพม่าและกองทัพ DKBA เข้าใกล้มาเนอร์ปลอ พลเรือนประมาณ 9,000 ถึง 10,000 หนีออกจากหมู่บ้านและพื้นที่โดยรอบ รวมถึงจากค่ายผู้ลี้ภัยในบริเวณใกล้เคียง โดยเป็นการถอยในทางยุทธศาสตร์ของ KNLA/KNU ซึ่งสั่งให้ถอนกำลังไปก่อนหน้านี้ พร้อมให้เผาทำลายหมู่บ้านไปด้วย 

ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ที่หลบหนีการสู้รบมุ่งหน้าไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทย ใกล้ชายแดนเมียนมา-ไทย หลังจากยึดมาเนอร์ปลอได้แล้ว กองทัพทหารพม่าก็เคลื่อนพลไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถไปถึงได้ จนกระทั่งในที่สุดก็ไปถึงฐานที่มั่นทางใต้ของ KNU ที่เมืองกอมูรา ซึ่งถูกกองทัพเมียนมายึดได้เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1995

ผลโดยตรงจากการล่มสลายของมาเนอร์ปลอก็คือ KNU สูญเสียรายได้ส่วนใหญ่ที่ได้มาจากภาษีท้องถิ่น ข้อตกลงการทำไม้ และการค้าข้ามพรมแดน เนื่องจากกองทัพพม่ายึดเมืองชายแดนหลายเมืองได้ และที่ต้องทราบไว้ก็คือในช่วงเวลาก่อนที่มาเนอร์ปลอจะถูกยึดได้ KNU ได้รับการสนับสนุนลับๆ จากไทยเพื่อให้เป็นแนวกันชนต่อกองทัพเมียนมา

หลังจากนั้น  KNLA/KNU และ DKBA จึงกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาโดยตลอด นอกจากจะปะทะกันด้วยอาวุธแล้ว การที่ ปะโดมันชา เลขาธิการสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ถูกลอบสังหารที่บ้านของเขาในแม่สอด ประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2008 นักวิเคราะห์หลายคนอ้างว่าการลอบสังหารครั้งนี้เป็นไปได้ว่าดำเนินการโดยทหารของ DKBA และลูกบุญธรรมของเขาก็อ้างแบบเดียวกัน แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม

การแยกตัวภายในกลุ่ม DKBA 
ในปี 2029 ผู้บัญชาการกองกำลัง DKBA ที่ทรงอำนาจที่สุดคนหนึ่ง คือ ซอ ชิต ตู่ ยอมรับข้อเสนอของรัฐบาลพม่าให้เปลี่ยนเป็นกองกำลังพิทัษ์ชายแดน (BGF) ภายใต้การบังคับบัญชาของกองทัพเมียน นี่คือจุดเริ่มต้นของ Karen BGF อันเป็นหนึ่งในกองกำลังพิทัษ์ชายแดนของกองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยจำนวนน้อยที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อกองทัพเมียนมา นั่นหมายความว่าฝ่ายที่ทรงอำนาจที่สุดของ DKBA ได้กลายเป็น Karen BGF ไปแล้ว โดยที่ ซอ ชิต ตู่ มีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มธุรกิจสีเทาที่ดำเนินการโดยคนจีนในรัญกระเหรี่ยงมาตั้งแต่ช่วงนั้นแล้ว

หลังจากที่ ซอ ชิต ตู่ แยกตัวไปรวมกับกองทัพเมียนมาในชื่อ BGF ในปี 2010 ทหารของ DKBA จำนวนหนึ่งที่ไม่ยอมเป็น BGF ด้วยจึงแยกตัวออกมาและเปลี่ยนชื่อเป็นกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย – กองพลที่ 5 (DKBA-5) ซึ่งนำโดย ซอ ละ บฺเว หรือ 'นะคะมวย' เดิมทีกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้มีกองพลอยู่ภายใต้การควบคุม 5 กองพล (จึงเป็นที่มาของชื่อ) แต่ปัจจุบันมีกองพลบังคับบัญชาเพียง 3 กองพล ปรากฏว่า DKBA-5 ไปเกี่ยวข้องอย่างหลวมๆ กับ KNLA/KNU นั่นแปลว่ากลุ่มนี้กลับไปสู่รากเหง้าเดิมนั่นเอง และกลุ่มนี้ยังเคยโจมตีกองกำลังของรัฐบาลและกองกำลังรักษาความปลอดภัยในเมืองเมียวดี 

กลุ่ม  DKBA-5 ต่อมาเปลี่ยนชื่อจากกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย มาเป็นกองทัพกะเหรี่ยงผู้ประเสริฐแห่งประชาธิปไตย (Democratic Karen Benevolent Army) ต่อมาเกิดความขัดแย้งภายในระหว่างผู้นำคือ ซอ ละ บฺเว กับนายทหารที่ทรงอิทธิพลอีกคน คือ ซอ จ่อ เท็ต หลังจากนั้น ซอ จ่อ เท็ต จึงแยกตัวจาก DKBA-5  มารวมพลกับ DKBA เดิมแล้วฟื้นฟู DKBA อีกครั้งโดยใช้ชื่อ DKBO/DKBA คราวนี้ DKBO/DKBA ไม่ได้สวามิภักดิ์กับกองทัพเมียนมาอีกต่อไป 

หลังจากนั้น DKBO/DKBA ก็ร่วมมือกับกองกำลังต่อต้านกองทัพเมียนอื่นๆ เช่น ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2021 กองกำลังผสมของกลุ่มติดอาวุธ 5 กลุ่ม ได้แก่ กองทัพ DKBA, กองกำลังพิทักษ์ประชาชน หรือ PDF, สภาสันติภาพ KNU/KNLA หรือ KPC), องค์กรป้องกันประเทศกะเหรี่ยง หรือ KNDO และกองกำลัง BGF ที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มหลักของ ซอ ชิต ตู่ ได้ปะทะกับกองทัพทหารพม่าและกองกำลังรักษาชายแดนกะเหรี่ยงของ ซอ ชิต ตู่ ในหมู่บ้านพลู รัฐกะเหรี่ยง ในเวลานั้น ซอ จ่อ เท็ต กล่าวว่ากลุ่มติดอาวุธทั้ง 5 กลุ่มกำลังร่วมมือกันทั่วทั้งรัฐกะเหรี่ยง 

นั่นหมายความว่า DKBO/DKBA คือแนวร่วมต่อต้านกองทัพเมียนมาและเปฺ็นศัตรูกับกองกำลัง BGF จนล่าสุด ออกประกาศกวาดล้างจีนเทาในเขตของตนคือตำบลพญาตองซู ตอกย้ำว่า DKBO/DKBA ไม่เอาด้วยกับแนวทางเลี้ยงจีนเทาเอาผลประโยชน์ของ BGF ของ ซอ ชิต ตู่

นี่คือความซับซ้อนที่สุดของที่สุดของความขัดแย้งในรัฐกะเหรี่ยง!

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ภาพถ่ายนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2023 แสดงให้เห็นสมาชิกกองกำลังป้องกันชายแดนของรัฐกะเหรี่ยง (Karen BGF) กำลังชมการแข่งขันมวยเลธเวแบบดั้งเดิมของเมียนมาที่วัดปยีตาร์ลินเอในตำบลหล่ายบเว รัฐกะเหรี่ยง (ภาพถ่ายโดย AFP)

TAGS: #DKBA #BGF #กะเหรี่ยง