‘หลิวจงอี้ฟีเวอร์’ เมื่อคนไทยมีความหวังกับเจ้าหน้าที่จีนมากกว่ารัฐบาลตัวเอง

‘หลิวจงอี้ฟีเวอร์’ เมื่อคนไทยมีความหวังกับเจ้าหน้าที่จีนมากกว่ารัฐบาลตัวเอง

การที่ ’หลิวจงอี้‘ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน เข้าๆ ออกๆ ไทยกับเมียนมา น่าจะเป็นส่วนหนึ่ง ‘ปฏิบัติการนกนางนวล’ (海鸥行动) ที่เริ่มเฟส 2 ในปีนี้ 

เฟสแรกมีการประชุมสรุปผลไปแล้วเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2025 โดยสรุปผลการไล่ล่าสแกมเมอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นแผ่นดินใหญ่+จีนเมื่อปี 2024 (ผลของการดำเนินการเฟสแรก อ่านได้จากลิ้งก์เรื่อง "'ปฏิบัติการนกนางนวล'เบื้องหลังการปราบ'จีนเทา'")

การประชุมเมื่อวันที่ 21 มกราคม ของ  ‘ปฏิบัติการนกนางนวล’  เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคงแบบบูรณาการแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ที่เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน (ที่ได้ชื่อว่าปฏิบัติการนกนางนวล ผมคิดว่าเพราะที่คุนหมิงมีนกนางนวลชุมมากนั่นเอง)

การประชุมครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่อาวุโสจากกรมตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน กระทรวงความมั่นคงสาธารณะและกระทรวงกลาโหมของลาว กระทรวงมหาดไทยของเมียนมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนามเข้าร่วมการประชุม เห็นพ้องว่าจะต้อง "ทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามพรมแดนที่ร้ายแรง"

หนึ่งสัปดาห์ต่อมาหลังการประชุมที่คุนหมิง หลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ก็เดินทางมาเยือนประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 มกราคม หลังจากนั้นก็เข้าๆ ออกๆ ไทยและเมียนมา พร้อมกับหารือและเสนอแนวทางกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกง

สื่อจีนบางแห่งจึงบอกว่า "การเดินทางของ หลิวจงอี้ (มายังไทยและเมียนมา) ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศสู่ขั้นตอนปฏิบัติจริง (ของปฏิบัติการนกนางนวล) ผ่านการโจมตีด้วยแรงกดดันอย่างเป็นระบบและการบริหารระยะยาว "มะเร็งร้าย" ของการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมในเมียวดีกำลังถูกกำจัดไปทีละน้อย"

ตอนนี้ผมยังไม่มีข้อมูลมากนัก ทราบแค่ว่า "ปฏิบัติการนกนางนวล" มีจีนเป็นเจ้าภาพ ดังนั้น หลิวจงอี้ ก็น่าจะเป็นตัวแทนของเจ้าภาพประสานงานปฏิบัติการร่วมนี้ ไม่ใช่จู่ๆ จีนส่งคนของตัวเองมาแล้วเจ้ากี้เจ้าการสั่งโน้นสั่งนี้ เพราะมันน่าจะอยู่ในแนวทางของเฟสสองของปฏิบัติการนกนางนวลแล้ว

เฟสแรกน่าจะเน้นที่เมียนมาตอนเหนือ ลาว และกัมพูชา ส่วนเฟสสองตอนนี้น่าจะเริ่มแล้ว เป้าหมายควรอยู่ที่เมียวดี

การมาถึงของหลิวจงอี้ทำให้คนไทยเป็นจำนวนมาก (เท่าที่ผมกวาดสายตาดูความเห้นในโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ) เกิดความหวังขึ้นมาว่า ปัญหาพวกสีเทาได้รับการแก้ไขเสียที เพราะร้องเรียนรัฐบาลเท่าไรก็ไม่ค่อยขยับ ร้องเรียนธนาคารก็ทำเฉย ร้องเรียตำรวจก็ไม่ได้เรื่อง

พอหลิวจงอี้มาเท่านั้น ดูเหมือนกลไกการปราบพวกสีเทาในไทยจะขับเคลื่อนในพลัน อะไรๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เคยทำงานมาก่อนก็ขยันขันแข็งขึ้นมาในทันที

จนคนไทยบางคนถึงกับบอกว่า "อยากได้ หลิวจงอี้ มาเป็นนายกฯ"

แน่ละครับ มันเป็นแค่ความเห็นแต่ก็สะท้อนความรู้สึกของคนไทยทีมีต่อความอืดอาดของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี 

และในฐานะทำข่าวมานาน ผมไม่เคยเห็นคนไทย "โปร" เจ้าหน้าที่ต่างประเทศคนไทยมากมายขนาดนี้ และที่น่าฉงวนที่สุดคือ ปกติคนไทยจะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ต่างชาติมีบทบาทขนากนี้ และไม่ต้องพูดถึงจีน เพราะคนไทยนั้นสามวันดี สี่วันไข้เรื่องจีน เดี๋ยวก็เกลียดเดี๋ยวก็ชม

แต่คนไทยบางคน (จำนวนน้อย) วิตกว่าการเข้ามาของ หลิวจงอี้ จะเป็นการแทรกแซงอธิปไตยของไทยหรือไม่? โดยสื่อไทยบางรายรายงานว่ามีชาวไทยบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ภารกิจของหลิวจิงอี้ในไทยช่วงนี้ เนื่องจากรู้สึกว่าการที่หลิวจงอี้เดินทางเข้าออกชายแดนโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ไทยอยู่ด้วยนั้น ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย 

แต่ หลิวจงอี้ เน้นย้ำถึงความเคารพของจีนที่มีต่ออธิปไตยของไทยและกฎหมายท้องถิ่น โดยระบุว่าความเข้าใจผิดดังกล่าว "เกิดจากความกระตือรือร้นอย่างมากมายเหลือเกินในการปกป้องพลเมืองจีน"

"ความกระตือรือร้นอย่างมากมาย" ผมยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง เพราะในช่วง 2 - 3 ปีมานี้จีรนจริงจังอย่างมากในการทำลายพวกสแกมเมอร์ และ The Better ก็รายงานข่าวเรื่องนี้มาโดยตลอด ส่วนหนึ่งก็เพื่อชี้ให้เห็นวา "จีนเอาจริง แล้วไทยมัวทำอะไรอยู่?"

ถ้าติดตามการไล่ล่าสแกเมอร์ของจีนก็จะทราบว่า จีนเนริ่มจากเมียนมาตอนเหนือก่อน แล้วประกาศว่ากวาดล้างสำเร็จเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ยังมีพวกสีเทาหนีมายังเมียวดีอันเป็น "เขตอิทธิพล" ของไทย ณ เวลานั้น ไทยควรตะรหนักอะไรบางอยางได้แล้ว แต่ก็ไม่

หลิวจงอี้ ยังอุตส่าห์พูดไว้หน้าไทยมากแล้ว ด้วยการบอกวา ผู้นำจีนไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่เฉียง ชื่นชมมาตรการของไทยในการปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพในเมืองเมียวดีของเมียนมา โดยเฉพาะการตัดไฟฟ้า การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และการส่งเชื้อเพลิงไปยังพื้นที่ดังกล่าว

ในสายตาคนไทยแล้วมาตรการเหล่านี้ทำช้าเกิน  จนประชาชนบอกว่า "ยื้อเวลาเพื่อให้พวกสีเทามันเอาตัวรอดหรือเปล่า?" ดังนั้น คนไทยจำนวนไม่น้อยจึงเชื่อว่า จีนกดดันไทยอยู่ข้างหลังมากกว่าและหลวจงอี้คืออุปกรณ์ในการกดดัน 

แต่ หลิงจงอี้ พูดแบบนี้แล้วน่าจะสบายใจขึ้นหรือเปล่า? ผมว่าคนไทยบางคนปักใจเชื่อว่าจีนแทรกแซงกิจการของไทยด้วยการส่ง หลิวจงอี้เข้ามา ดังนั้นต่อให้ชัดแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบาย คนกลุ่มนี้ก็จะไม่เขาใจเป็นอย่างอื่น

แต่ก่อนจะจะปักใจเชื่ออะไรโปรดย้อนกลับไปอ่านเรื่องปฏิบัติการนกนางนวลอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่านี่คือการทำงานประสานกันหรือว่าเป็นการทำงานเดี่ยวของจีนในแผ่นดินไทยและเพื่อนบ้าน?

ดังนั้น ถามว่าเป็นการแทรกแซงกิจการของไทยหรือไม่? ก็ต้องถามไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาลไทยแล้วล่ะครับว่าในการประชุมที่คุนหมิงเราไปร่วมมือกับเขาในระดับไหน? แน่นอนว่าต้องถึงระดับที่ยอมให้จีนส่งคนระดับหลิวจงอี้เข้ามาได้

แต่ผมเชื่อว่าทั้งรัฐบาลเมียนมาและรัฐบาลไทยก็คงอึดอัดใจที่จีน "เป็นเจ้าภาพ" โดยมี หลิวจงอี้เป็นตัวแทนเจ้าภาพ เพราะเท่ากับเสียอำนาจการตัดสินใจไประดับหนึ่ง

และผมเคยเขียนไปว่าจีนสามารถใช้ความมุ่งมั่นและเด็ดขาดทำลายจีนเทาในเมียนมาตอนเหนือได้สำเร็จ ประจวบเหมาะกับการได้โอกาสที่เมียนมามีความวุ่นวายหนัก จนสามารถมีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจของกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างๆ รวมถึงกองทัพเมียนมาได้สำเร็จ และกำลังคืบคลานเข้าสู่พื้นที่อิทธิพลของไทย (เช่น รัฐกะเหรี่ยง) ดังนั้นจีนก็อาจได้ผลพลอยได้ทางการเมืองจากปฏิบัติการนกนางนวล

แต่ก็แน่ล่ะ เป้าหมายแท้จริงของจีนคือการทำลายพวกสแกมเมอร์ให้หมดสิ้นไปแบบถอนรากถอนโคน อย่างน้อยก็จากทัศนะของนักวิเคราะห์การเมืองในจีนบางคน

การที่จีนกลายเป็น 'พี่ใหญ่‘ ในปฏิบัติการนกนางนวลได้และสามารถยึดกุมอำนาจการสั่งการบางส่วนได้ในการกวาดล้างพวกสแกมเมอร์ น่าจะมีผลต่อดุลยภาพทางการเมืองในเมียนมาและไทยพอสมควร

แต่จะโทษใครได้? ในเมื่อรัฐบาลไทยขยับช้าเกินไปในปฏิบัติการนี้ (หรือเกมนี้?) หากรัฐบาลจริงจังสักหน่อยกับการมองปัญหานี้ให้ลึกและรอบด้านเสียแต่เนิ่นๆ แล้วแก้ปัญหาในฐานะผู้นำภูมิภาค ก็คงจะไม่ต้อง "พึ่งพาจีน" แบบนี้

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP

TAGS: #หลิวจงอี้