การทะเลาะกันอย่างดุเดือดระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์และโวโลดิมีร์ เซเลนสกีที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่ก็ไม่ถึงกับคาดไม่ถึง นักวิเคราะห์มองว่าอนาคตของยูเครนยิ่งไม่แน่นอนมากขึ้น
ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ วิจารณ์การช่วยเหลือยูเครนหลายพันล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน หลังจากที่รัสเซียรุกรานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และได้ให้สัญญา - โดยไม่ให้รายละเอียด - ว่าจะยุติสงครามในไม่ช้านี้หลังจากเข้ารับตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งดูเหมือนว่าจะเริ่มการเจรจาสันติภาพโดยไม่มียูเครนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้ยูเครนโกรธเคืองและสร้างความตกใจให้กับนานาประเทศในยุโรป
ตั้งแต่นั้นมา เซเลนสกีและพันธมิตรยุโรปได้เรียกร้องให้ทรัมป์ให้การรับประกันเรื่องความมั่นคงหากมีข้อตกลงสงบศึกใดๆ ก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีผลที่ตามมาหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่าฝืนข้อตกลง
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ปฏิเสธที่จะบอกว่าเขาจะให้คำมั่นสัญญาดังกล่าวหรือไม่ โดยยืนกรานว่าปูติน "เคารพ" เขาพอที่จะไม่ทำข้อตกลงใดๆ
เมื่อวันศุกร์ ความตึงเครียดปะทุขึ้นหลังจากที่ทรัมป์และรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ กล่าวหาเซเลนสกีว่าไม่ได้กล่าว "ขอบคุณ" มากพอต่อการสนับสนุนของสหรัฐฯ
ทรัมป์กล่าวว่า "เขา (เซเลนสกี) สามารถกลับมาได้เมื่อเขาพร้อมสำหรับสันติภาพ" ขณะที่โฆษกประจำตัวของทรัมป์กล่าวเสริมว่าผู้นำยูเครนและคณะผู้ติดตามของเขาถูกขอให้ออกจากทำเนียบขาวหลังจากปะทะกันที่ห้องโอวัลออฟฟิศ
ไบรอัน ฟินูเคน ที่ปรึกษาอาวุโสของ International Crisis Group (ICG) กล่าวว่าการประชุมเมื่อวันศุกร์มีแนวโน้มที่จะตึงเครียดอยู่แล้ว
"การแสดงท่าทีของประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีในห้องโอวัลออฟฟิศนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจมากนักเมื่อพิจารณาจากความรู้สึกที่ทราบกันดีของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับการสนับสนุนทางทหารของสหรัฐฯ ต่อยูเครนและแนวทางการอธิบายที่มาที่ไปของสงครามรัสเซียกับยูเครนที่เขาผลักดันมาตลอด" เขากล่าว
เมื่อถูกถาม ทรัมป์และผู้บริหารในรัฐบาลของเขาปฏิเสธที่จะโยนความรับผิดชอบต่อมอสโกว์ที่ก่อสงครามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ดูเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าเขาไม่ได้วิจารณ์ปูตินเพราะการเจรจายังคงดำเนินต่อไป
'ต้องเกิดขึ้นแน่นอน'
โวโลดิมีร์ เฟเซนโก นักวิเคราะห์การเมืองของยูเครน กล่าวกับว่า AFP มีตัวอย่างการกระทำของสหรัฐฯ ใต้การนำของทรัมป์อยู่มากมายที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
เขายกเหตุผลต่างๆ ขึ้นมา เช่น แรงกดดันของสหรัฐฯ ต่อยูเครน วิธีการที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวถึงเซเลนสกี การประเมินความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียขอรัฐบาลวอชิงตัน และทัศนคติของสหรัฐฯ ต่อการเจรจาสงบศึก
"ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งและการระเบิดครั้งนี้จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว" เขากล่าว
ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่ฟินูเคนจาก ICG กล่าวว่าอาจเป็นลางร้ายสำหรับยูเครน
"มีข่าวลือจากรัฐบาลว่าอาจลดการขนส่งอาวุธไปยังยูเครนซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการภายใต้อำนาจการถอนความช่วยเหลือของประธานาธิบดี" เขากล่าว
การขนส่งอาวุธดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่เขากำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามในการเสริมความช่วยเหลืออีกหลายพันล้านดอลลาร์ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง
เซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับ Fox News หลังการประชุมที่ตึงเครียดในทำเนียบขาว โดยยอมรับว่าจะเป็น "เรื่องยาก" สำหรับยูเครนที่จะยับยั้งการรุกรานของกองกำลังรัสเซียหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเสริมว่าเขาเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเคียฟกับรัฐบาลวอชิงตันสามารถกอบกู้ได้ แต่เขาต้องการให้ทรัมป์ "อยู่ข้างเราจริงๆ"
ยุโรปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันศุกร์ด้วยความวิตก โดยมหาอำนาจของสหภาพยุโรปหลายประเทศ รวมทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ ต่างรีบออกมาย้ำอีกครั้งว่าพวกเขาสนับสนุนยูเครน
คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้ออกแถลงการณ์ที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้น โดยดูเหมือนจะตั้งคำถามถึงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ที่มีต่อพันธมิตรข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างมหาอำนาจของยุโรปและวอชิงตัน
เธอเขียนบนโซเชียลมีเดียว่า "วันนี้ ชัดเจนแล้วว่าโลกเสรีต้องการผู้นำคนใหม่ ขึ้นอยู่กับพวกเราชาวยุโรปที่จะรับความท้าทายนี้"
ผู้นำยุโรปกว่าสิบคนมีกำหนดพบกันในลอนดอนในวันอาทิตย์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามในยูเครน หนึ่งในนั้นยังรวมถึงผู้นำของแคนาดาด้วย
ล่าสุด อังกฤษและยูเครนลงนามในข้อตกลงเงินกู้มูลค่า 2.26 พันล้านปอนด์ (2.84 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.74 พันล้านยูโร) เพื่อสนับสนุนศักยภาพด้านการป้องกันประเทศของยูเครนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลลอนดอนเรียกว่าเป็นสัญญาณของ "การสนับสนุนประชาชนชาวยูเครนอย่างไม่ลดละและต่อเนื่อง"
เรเชล รีฟส์ และเซอร์กี มาร์เชนโก รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของทั้งสองประเทศ ลงนามในข้อตกลงเงินกู้ดังกล่าวในพิธีทางไกล ขณะที่นายกรัฐมนตรีคีร์ สตาร์เมอร์ พบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในลอนดอน โดยข้อตกลงดังกล่าวจะชำระคืนด้วยกำไรจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกยึดไว้
อันโตนิโอ คอสตา ประธานสภายุโรปเรียกประชุมพิเศษเกี่ยวกับยูเครนในวันที่ 6 มีนาคมเช่นกัน
Agence France-Presse
Photo by SAUL LOEB / AFP