"หากเราไม่พึ่งพาจีน เราจะพึ่งพาใครได้อีก" คลองฟูนันเตโชยังไม่ล่ม กัมพูชายังรักจีนเหมือนเดิม

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 เว็บไซต์กว่านฉา (观察) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการวิเคราะห์การเมืองของจีนได้ตั้งคำถามว่า "โครงการคลองกัมพูชาล้มเหลว? ความสัมพันธ์จีน-กัมพูชาสิ้นสุดลงแล้วหรือ?"

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 28 มกราคม บัญชี WeChat อย่างเป็นทางการของสถานทูตจีนในกัมพูชาได้เผยแพร่บทความที่มีชื่อว่า "โครงการคลองกัมพูชาประสบความล้มเหลว? ความสัมพันธ์จีน-กัมพูชาสิ้นสุดลงแล้ว? ไร้สาระ!" โดยมีเนื้อหาทั้งหมดดังต่อไปนี้ "เมื่อไม่นานมานี้ สื่อในประเทศและต่างประเทศจำนวนมากให้ความสนใจโครงการคลองฟูนัน-ตาโจในกัมพูชา โดยสื่อบางสำนักอ้างว่าจีนจะไม่สนับสนุนกัมพูชาอีกต่อไป โครงการคลองจะล้มเหลว และมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างจีนและกัมพูชาจะได้รับผลกระทบ เรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ"

จากนั้นผู้เขียนบทความ คือ โจวซิ่น (周信) ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการระหว่างประเทศ ระบุว่า การก่อสร้างคลองฟูนันเตโชตค้องอาศัยการศึกษาเป็นเวลานาน "โครงการขนาดใหญ่และซับซ้อนเช่นนี้จำเป็นต้องมีการวิจัยที่มั่นคงและการสาธิตซ้ำๆ ก่อนที่จะเปิดตัวได้" แต่ผู้เขียนเชื่อว่า "จะมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงบวกเพิ่มเติม ซึ่งเราจะรอดูต่อไป" เกี่ยวกับการสร้างคลองนี้ ซึ่งทำให้เพื่อนบ้านบางประเทศรู้สึกเป็นกังวล โดยเฉพาะเวียดนามที่เห็นว่าคลองนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงและส่งผลอื่นๆ ตามมาต่อเวียดนาม 

ผู้เขียนบทความกล่าวว่า "ส่วนข้อกล่าวอ้างว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและกัมพูชาได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้หรือไม่? เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลย มิตรภาพแบบดั้งเดิมระหว่างจีนและกัมพูชาได้รับการสร้างสรรค์และดูแลอย่างดีโดยประธานเหมาเจ๋อตุง นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล และผู้นำจีนรุ่นเก่าคนอื่นๆ รวมถึงเจ้าสีหนุ และได้กลายมาเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของประชาชนทั้งสองประเทศ "เหมือนดอกไม้ที่ไม่เคยเหี่ยวเฉา บานสะพรั่งตลอดไปภายใต้ท้องฟ้าแจ่มใส" (บทกวีของเจ้าชายสีหนุ) เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่ มิตรภาพระหว่างจีนและกัมพูชาได้พัฒนาก้าวหน้าไปอีกขั้น ในปี 2019 จีนและกัมพูชาได้บรรลุฉันทามติในการสร้างชุมชนจีน-กัมพูชาที่มีอนาคตร่วมกัน และกัมพูชาได้กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ลงนามในแผนปฏิบัติการเพื่อสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันกับจีน"

ผู้เขียนชี้ว่าจีนได้ให้ความช่วยเหลือแก้กัมพูชาอย่างมากมาย จนกระทั่ง ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวต่อสาธารณะซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "หากเราไม่พึ่งพาจีน เราจะพึ่งพาใครได้อีก"

ผู้เขียนบทความกล่าวว่า "ผู้คนบนอินเทอร์เน็ตบางคนพยายามหาข้อโต้แย้งว่ากัมพูชา "หันกลับมาคบสหรัฐฯ" โดยได้รับแรงกระตุ้นจากสหรัฐฯ มากขึ้น พวกเขายังโพสต์วิดีโอและรูปภาพจำนวนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าสร้างด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อทำให้ผู้นำกัมพูชาเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งนั่นยิ่งไร้สาระเข้าไปอีก ในปี 2020 ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในขณะนั้นได้เดินทางไปเยือนจีน "ท่ามกลางลมและหิมะ" ซึ่งเป็นช่วงที่จีนกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในการต่อสู้กับโรคระบาด และได้แสดงออกด้วยการกระทำจริงถึงแก่นแท้ของชุมชนจีน-กัมพูชาที่มีอนาคตร่วมกันว่า "เพื่อนในยามยากคือเพื่อนแท้" เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เมื่อฮุนเซน ประธานพรรคประชาชนและประธานวุฒิสภาเดินทางไปเยือนจีน เขาก็ได้กล่าวกับผู้นำจีนว่า "จีนเป็นเพื่อนที่กัมพูชาไว้วางใจมากที่สุด มิตรภาพกับจีนเป็นฉันทามติทางการเมืองที่มั่นคงของประชาชนกัมพูชา และจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องมาจากการส่งต่ออำนาจจากรุ่นสู่รุ่นของผู้นำกัมพูชา"

"ข่าวเท็จที่โจมตีความร่วมมือระหว่างจีนและกัมพูชาและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศนั้นไม่คุ้มค่าที่จะหักล้างเมื่อเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริง ฉันเชื่อว่ายิ่งมิตรภาพระหว่างจีนและกัมพูชามี "ความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็ก" มากเท่าไหร่ ข่าวลือเหล่านี้ก็ยิ่งกลายจะทำลายตัวเองมากขึ้นเท่านั้น"  โจวซิ่น กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการยืนยันความสัมพันธ์กับจีน แต่ล่าสุดบทความทัศนะของ Global Times ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2025 ก็ยังมีบทความที่เอายถึงปญหาเดิมนี้แม้จะผ่านมา 3 เดือนแล้ว โดยบทความชื่อว่า "นักวิชาการกัมพูชาชี้ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกัมพูชากับจีนสามารถต้านทานการคาดเดาที่ไม่มีมูลความจริงได้" เขียนโดย กิน เภีย (គិន ភា/Kin Phea) สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ราชบัณฑิตยสถานกัมพูชา ซึ่งกล่าวย้ำเรื่องเดิมที่สื่อจีนกล่าวไว้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังแนบแน่น แม้จะมีการปล่อยข่าวเรื่องกัมพูชากันกลับไปคบหากับสหรัฐ โดยชี้ว่า "ในระหว่างการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านกลาโหมของสหรัฐฯ และกัมพูชาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศทวิภาคี รวมถึงการกลับมาจัดการซ้อมรบร่วม Angkor Sentinel อีกครั้ง ซึ่งกัมพูชาได้ระงับการซ้อมรบดังกล่าวไปเมื่อปี 2560 เมื่อรายงานเรื่องนี้ สื่อบางสำนักก็ไม่ลังเลที่จะเชื่อมโยงเรื่องนี้กับความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและจีน"

"การตีความดังกล่าวบิดเบือนความสัมพันธ์ที่มั่นคงและหยั่งรากลึกระหว่างกัมพูชาและจีน ซึ่งยังคงยึดมั่นในความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ร่วมกันอย่างผิดๆ ในขณะที่กัมพูชาเริ่มต้นบทใหม่ทางการเมือง ความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการเสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมกับจีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีนโยบายต่างประเทศที่สมดุลและเป็นอิสระเป็นหลักค้ำยัน" กิน เภีย กล่าว และย้ำว่า การมีส่วนร่วมของกัมพูชากับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรชาติตะวันตกอื่น ๆ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการเจรจาทางการทูต โดยไม่กระทบต่อความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับจีน

กิน เภีย ยังชี้ว่า "การคาดเดาที่ว่ากัมพูชาจะแยกตัวออกจากจีนนั้นเป็นเรื่องไร้สาระและละเลยความลึกซึ้งทางประวัติศาสตร์และความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและกัมพูชายังคงเจริญรุ่งเรืองต่อไป โดยมีพื้นฐานจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ และความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม ขณะที่กัมพูชาเดินหน้าไปตามภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป กัมพูชายังคงยึดมั่นในนโยบายต่างประเทศอิสระที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศและความมั่นคงในภูมิภาคเป็นอันดับแรก"

ทั้งนี้ จีนเป็นแหล่งการลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชาและเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชามาหลายปี โดยเฉพาะในเดือนมกราคม 2022 ข้อตกลงการค้าเสรีจีน-กัมพูชามีผลบังคับใช้ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีฉบับแรกในประวัติศาสตร์ของกัมพูชา  

เมื่อปีที่แล้ว เขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญภายใต้ความร่วมมือ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ระหว่างจีนและกัมพูชา ได้สร้างมูลค่าการค้านำเข้าและส่งออกได้สำเร็จถึง 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเกือบ 8% ของมูลค่าการค้านำเข้าและส่งออกของกัมพูชาทั้งหมด จนถึงขณะนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษได้ดึงดูดบริษัทต่างๆ เข้ามาตั้งถิ่นฐานแล้ว 200 แห่ง สร้างงานให้กับพื้นที่ท้องถิ่นกว่า 32,000 ตำแหน่ง มูลค่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเขตเศรษฐกิจพิเศษมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นมากกว่า 50%  

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ภาพธงชาติกัมพูชาปรากฏอยู่ด้านหน้าเรือรบ USS Savannah ขณะจอดเทียบท่าที่เมืองท่าสีหนุวิลล์ทางตอนใต้ของกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2024 (ภาพโดย Suy SE / AFP)

TAGS: #กัมพูชา #จีน