เบื้องหลังสถานการณ์
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2025 สหรัฐฯ ได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศและทางทะเลครั้งใหญ่ต่อสถานที่ต่างๆ ในเยเมน ซึ่งถือเป็นการโจมตีของอเมริกาที่สำคัญที่สุดในตะวันออกกลางตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม การโจมตีระลอกแรกคือเรดาร์ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และระบบขีปนาวุธและโดรนของกลุ่มฮูตี (หรือฮูษี) ในประเทศเยเมน
สถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นนี้ เกิดขึ้นในขณะที่อิหร่านเผชิญกับการรุกรานของอเมริกาและอิสราเอลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAE) แสดงความกังวลเกี่ยวกับระดับที่ใกล้เคียงกับระดับอาวุธของอิหร่าน
อิหร่านคือผู้สนับสนุนหลักของฮูตี และถือเป็นแนวร่วมของกันและกันที่เรียกว่า "อักษะต่อต้าน" (Axis of Resistance) ที่ประกอบด้านอิหร่าน ฮูตี ฮิซบอลเลาะฮ์ ฮามาส และรัฐบาลอัสซาดของซีเรีย ปัจจุบัน มีเพียงอิหร่านและฮูตีเท่านั้นที่ยังแข็งแกร่งอยู่
ในขณะที่สมาชิกของ "อักษะต่อต้าน" กลุ่มอื่นๆ ประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ต่ออิสราเอลกลุ่มฮูตีได้ใช้ภูมิศาสตร์ของเยเมนมที่ตั้งอยู่ทางเข้าทะเลแดงและมีเรือสัญจรเข้าออกมากมาย ในการสร้่างความปั่นป่วนกับเส้นทางเดินเรือของโลก และในขณะที่ทำการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามในเยเมนและยังโจมตีอิสราเอลได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงสมรรถภาพในการรบของกลุ่มนี้ได้ดี
หลังจากการหยุดยิงในฉนวนกาซา-อิสราเอลในเดือนมกราคม 2025 ฮูตีหยุดการโจมตี แต่ความตึงเครียดกลับมาอีกครั้งเมื่อพวกฮูตีเตือนว่าจะโจมตีอิสราเอลอีกครั้ง หากอิสราเอลขัดขวางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา แต่ปฏิบัติการที่ส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดของฮูตี คือการโ๗จมตีเรือของประเทศที่เป็นพันธมิตรกับอิสราเอล
เป้าหมายของทรัมป์คือ?
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่ากลุ่มฮูตีกำลังดำเนินการ "กระทำการเป็นโจรสลัด ความรุนแรง และการก่อการร้ายต่อเรือ เครื่องบิน และโดรนของอเมริกาและของชาติอื่นๆ" และให้คำมั่นว่าจะใช้ "กำลังสังหารอย่างท่วมท้น" จนกว่าการโจมตีการเดินเรือของกลุ่มฮูตีจะยุติลง โดยประกาศว่า "ไม่มีกองกำลังก่อการร้ายใดที่จะหยุดยั้งเรือพาณิชย์และกองทัพเรือของอเมริกาไม่ให้เดินเรือในน่านน้ำของโลกได้อย่างอิสระ"
ทรัมป์ขู่ว่า “เวลาของคุณ (ฮูตี) หมดลงแล้ว และการโจมตีของคุณจะต้องหยุดลง เริ่มตั้งแต่วันนี้” และเตือนว่าหากยังคงโจมตีต่อไป “นรกจะถล่มลงมาบนตัวคุณอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน” เขายังบอกอิหร่านให้หยุดให้การสนับสนุนกลุ่มฮูตี พร้อมให้คำมั่นว่าสหรัฐฯจะถือว่าอิหร่านต้อง “รับผิดชอบอย่างเต็มที่” ต่อการกระทำของกลุ่มฮูตี
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีท เฮกเซธ อ้างว่า "จะไม่ยอมให้กลุ่มฮูตีโจมตีเรือและเครื่องบินของสหรัฐฯ (และกองกำลังของเรา!) และอิหร่านซึ่งเป็นผู้ให้การช่วยเหลือ (ฮูตี) ก็ได้รับคำเตือรแล้ว" และยังกล่าวอีกว่า "เสรีภาพในการเดินเรือจะได้รับการฟื้นฟู"
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ไม่ถูกพูดถึงโดยสหรัฐฯ ในการโจมตีครั้งนี้ก็คือ อิหร่านซึ่งเป็นูผู้สนับสนุนหลักของฮูตี ตามรายงานลับของ IAEA ที่เผยโดย Associated Press ระบุว่า ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ อิหร่านมียูเรเนียมเสริมสมรรถนะ 60% อยู่ 274.8 กิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้น 92.5 กิโลกรัม นับตั้งแต่รายงานล่าสุดของ IAEA เมื่อเดือนพฤศจิกายน
“การผลิตและการสะสมยูเรเนียมเสริมสมรรถนะสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ที่ผลิตวัสดุนิวเคลียร์ดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง” รายงานระบุ และ IAEA ยังระบุว่ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะ 60% ประมาณ 42 กิโลกรัมนั้นเพียงพอในทางทฤษฎีในการผลิตระเบิดปรมาณูหนึ่งลูก หากเสริมสมรรถนะเพิ่มอีก 90%
กระบวนการโจมตีฮูตี
ตามข้อมูลของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ การโจมตีดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการครั้งใหญ่ โดยอ้างว่าจะฟื้นฟูความปลอดภัยในทะเลแดง ซึ่งถูกขัดขวางมาหลายเดือนจากปฏิบัติการทางทหารของกลุ่มฮูตีที่ทำการโจมตีและก่อกวนเรือพาณิชย์และเรือทหารจากประเทศที่สนับสนุนอิสราเอล
มีการเตรียมแผนการโจมตีเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยมีคำสั่งขั้นสุดท้ายออกเมื่อวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม สมาชิกรัฐสภาบางคนได้รับข้อมูลสรุปจากทำเนียบขาวในวันเดียวกัน หลังจากทรัมป์เป็นผู้สั่งการในขั้นสุดท้าย
การโจมตีครั้งนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าเป็นการโจมตีทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ ดำเนินการโดยเครื่องบินขับไล่จากเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ ยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมน ที่ประจำการอยู่ในทะเลแดงทางตอนเหนือ และเครื่องบินโจมตีและโดรนติดอาวุธของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ยิงจากฐานทัพในภูมิภาค มีการโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 40 ครั้งโดยกำหนดเป้าหมายที่จุดต่างๆ ทั่วเยเมน
หลังการโจมตี ไมเคิล วอลท์ซ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ อ้างว่าการโจมตีครั้งนี้ "สังหาร" ผู้นำกลุ่มฮูตีหลายคน ส่วนกลุ่มฮูตีได้กล่าวถึงการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น "อาชญากรรมสงคราม" และประกาศจะตอบโต้ ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮูตี มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 53 ราย รวมถึงเด็ก 5 รายและผู้หญิง 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 98 ราย
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ภาพนี้ถ่ายจากฟุตเทจที่แชร์โดยกองบัญชาการกลางของสหรัฐฯ (CENTCOM) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2025 แสดงให้เห็นเครื่องบินขับไล่ F/A-18 ของสหรัฐฯ กำลังบินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบินกลางทะเล (ภาพโดย DVIDS / AFP)