ชื่อของ 'แมตต์ วอลช์' (Matt Walsh) เริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาถูกเชิญไปร่วมงานแถลงนโยบายครั้งแรกต่อรัฐสภาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คนส่วนใหญ่รู้จักเขาในฐานะนักวิจารณ์การเมืองฝ่ายขวาชาวอเมริกันและพิธีกรรายการพอดแคสต์ และเขียนหนังสือจำนวนหนึ่งที่ว่าด้วยแนวคิดฝ่ายขวา
แต่สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ แมตต์ วอลช์ ก็คือแนวคิดเรื่อง 'เผด็จการเทวาธิปไตย' (Theocratic Fascist) ซึ่งผสมผสานกันระหว่างเผด็จการแบบฟาสซิสต์กับความเชื่อทางศาสนาแบบเทวนิยม โดยการรวบอำนาจไว้ที่คนจำนวนหนึ่งที่รับความชอบธรรมในการปกครองประเทศโดยอ้างอำนาจจากพระเจ้า
เขาเผยผ่านรายการใน YouTube เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2019 ว่า “ผมเป็นพวกฟาสซิสต์ตามระบอบเทวธิปไตยอย่างแท้จริง ผมเชื่อว่ารัฐบาลควรบังคับให้ผู้คนเชื่อในศาสนาของผม และไม่ใช่แค่รัฐบาลเท่านั้น แต่รวมถึงรัฐบาลที่ผมเป็นผู้นำในฐานะเผด็จการด้วย”
และครั้งหนึ่งเขายังรีทวีตคำกล่าวของ เบนิโต มุสโซลินี ผู้นำฟาสซิสต์ของอิตาลีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กล่าวว่า "ประชาธิปไตยนั้นสวยงามในทางทฤษฎี ในทางปฏิบัติมันคือความล้มเหลว พวกคุณในอเมริกาจะเจ้าเข้ากับตัวเองเข้าสักวัน" จากคำพูดนี้ แมตต์ วอลช์ ย้ำว่า "นี่คือเหตุผลที่ผมระบุตัวเองเป็นเผด็จการเทวาธิปไตย"
เผด็จการเทวาธิปไตยคืออะไร? จากคำกล่าวของ แมตต์ วอลช์ มันคือการผสมผสานกันของความเชื่อเรื่องพระเจ้าในคริสตศาสนาและการอ้างอำนาจของพระเจ้าในการปกครองประชาชน เช่น การอ้างว่าการที่คนๆ หนึ่งได้รับเลือกเข้ามาเป็นผู้นำประเทศโดยประชาชน แม้จริงแล้วเป็นการดลใจของพระเจ้า (เทวา) ให้ประชาชนเลือกคนๆ นั้นมาเป็นผู้นำ ดังนั้นผู้นำนั้นจึงมี "อาณัติ" (Mandate) ทั้งจากสวรรค์และจากโลกมุนษย์ในการปกครอง นี่คือการย้ำว่าผู้นำมีความชอบธรรมแบบสุดลิ่มทิ่มประตู
ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากที่ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ถ้อยคำหนึ่งที่เขาเอ่ยออกมาคือการที่เขาได้รับ "อาณัติ" (Mandate) ซึ่งมันไม่ใช่แค่อาณัติความชอบธรรมจากเสียงประชาชนเท่านั้น แต่ยังมีนัยหมายถึงหการรับอาณัติจากพระเจ้าด้วย หากพิจารณาว่าบุคคลที่สนับสนุนเขาและเป็นนักคิดเบื้องหลังขบวนการของเขา มีแนวคิดเรื่องเทวาธิปไตยและการใช้อำนาจรัฐแบบเด็ดขาด เช่น แมตต์ วอลช์ และ เคอร์ติส ยาร์วิน (Curtis Yarvin) นักทฤษฎีราชาธิปไตยใหม่ซึ่งมีอิทธิพลต่อรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์
แมตต์ วอลช์ ถูกโจมตีอย่างมากในเรื่องการเป็นฟาสซิสต์เทวาธิปไตย จนเขาต้องอธิบายถึงเกี่ยวกับสถานะทางความคิดของเขา แต่มันกลับเป็นการอธิบายแบบทีเล่นทีจริงโดยเขาบอกผ่านบทความใน DailyWire ว่า "การอ้างว่าผมเป็น “ฟาสซิสต์เทวาธิปไตย” ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ประท้วงพูดถึง บทความในหนังสือพิมพ์ของนักศึกษากล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้ง และป้ายที่คัดค้านการพูดของผมก็เน้นย้ำประเด็นนี้เช่นกัน เป็นเรื่องจริงที่ผมบรรยายตัวเองในประวัติส่วนตัวบน Twitter ว่าเป็นฟาสซิสต์เทวธิปไตย ผมคิดว่าคุณสามารถตีความคำอธิบายนั้นได้สองแบบ คือ เป็นเรื่องตลกประชดประชันอย่างเห็นได้ชัดเพื่อล้อเลียนคนที่ติดป้ายว่าผมเป็น “นักเทวาธิปไตย” และ “นักฟาสซิสต์” โดยอัตโนมัติจากความคิดเห็นของผม หรือเป็นคำพูดที่จริงใจอย่างแท้จริงโดยไม่มีการประชดประชันหรือเสียดสีแม้แต่น้อย"
"ขอให้ผมชี้แจงให้ชัดเจนเสียทีว่าในสองทางเลือกนั้น ทางเลือกหลังนั้นถูกต้อง ผมเป็นพวกฟาสซิสต์ตามระบอบเทวาธิปไตย ระบบการปกครองที่ผมชอบคือเผด็จการคริสเตียนที่มีผมเป็นผู้นำ จากสถานะที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จนี้ ผมวางแผนที่จะบังคับใช้ความเชื่อส่วนผมของผมกับประชาชนโดยใช้กำลัง ทุกคนจะต้องเชื่อฟังอย่างเคร่งครัด ยกเว้นผู้ช่วยคนสนิทของผมซึ่งผมจะมองข้ามการฝ่าฝืนกฎหมายของพวกเขา ใครก็ตามที่ไม่ยอมทำตามทุกความต้องการของผม จะต้องได้รับความยุติธรรมอย่างรวดเร็วและไร้ความปราณี"
จากนั้นเขาก็อธิบายแนวคิดเรื่องการปกครองโดยเผด็จการจารกอำนาจอันชอบธรรมของพระเจ้าว่า "แน่นอนว่าการปฏิบัติตามศาสนาเป็นสิ่งที่บังคับ เข้าโบสถ์ สวดมนต์ก่อนรับประทานอาหาร อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน เป็นต้น"
ส่วนรูปแบบการปกครองเขาบอกว่า เป็น "รัฐเทวธิปไตยของอเมริกา" (Theocratic States of America หรือ TSA) แต่ยืนยันว่า "ไม่ใช่ว่ากฎหมายในรัฐเทวธิปไตยของอเมริกาทั้งหมดจะมีลักษณะทางศาสนาอย่างเคร่งครัด
แม้ว่าเขาจะพูดทีเล่นทีจริงเกี่ยวกับการเป็นฟาสซิสต์เทวาธิปไตย แต่แนวคิดหลักๆ ของเขาที่จริงๆ จังๆ ล้วนแต่สะท้อนแนวทางของรัฐบาลทรัมป์โดยเฉพาะการต่อต้านการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของกลุ่ม LGBTQ และชุมชน LGBTQ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของคนข้ามเพศและแนวคิดเรื่องการเป็นคนข้ามเพศโดยทั่วไป
เช่น ไม่นานหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 วอลช์กล่าวหาประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่าทำให้กองทัพสหรัฐ "เป็นแต๋ว" และเกณฑ์เลสเบี้ยนมาเป็นทหารซึ่งเขากล่าวว่าคนเหล่านี้ "ทำวิดพื้นได้ 3 ครั้ง" และกล่าวว่า "ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ [การรุกรานของรัสเซีย] เกิดขึ้นหลังจากไบเดนใช้เวลาปีแรกในตำแหน่งโดยมุ่งเน้นที่กระแสโว๊ค (Wokeness)" เขายังต่อต้านการข้ามเพศอย่างเป็นระบบด้วยการทำสารคดีเรื่อง What Is a Woman?
การต่อต้าน LGBTQ ของเขาซ่อนแนวคิดและการกระทำที่รุนแรงเอาไว้ โดยเขากล่าวไว้ในรายการ “The Matt Walsh Show” เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2022 ว่า “เช่นเดียวกับมะเร็ง การหยุดยั้ง (LGBTQ) ไม่ใช่กระบวนการที่อ่อนโยนหรือไม่เจ็บปวด ยิ่งมะเร็งลุกลามมากขึ้นเท่าไร เราก็ยิ่งต้องต่อสู้อย่างแข็งกร้าวมากขึ้นเท่านั้น ในทางวัฒนธรรม เรากำลังเข้าใกล้จุดสิ้นสุด ซึ่งหมายถึงเราต้องก้าวร้าวมากขึ้น ซึ่งต้องดำเนินการสองประการ ประการแรก เห็นได้ชัดว่าการให้เด็กเข้าร่วมงานแสดงประเภทแดร็กควีนควรถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายในทุกกรณี ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้จะไม่หยุดจนกว่าตำรวจจะพังประตูเข้าไปในสถานที่เหล่านี้และจับผู้ใหญ่ใส่กุญแจมือไป แจ้งข้อกล่าวหาพวกเขาทั้งหมดว่าเป็นพวกชอบเด็ก จับพวกเขาเข้าคุก และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาออกมาได้ หากพวกเขาออกมาได้ ให้ขึ้นทะเบียนพวกเขาไว้ในทะเบียนผู้กระทำความผิดทางเพศตลอดชีวิต”
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo Matt Walsh / Facebook