แนะไทยศึกษาสูตร'รวันดา' ถ้าเรามี'ของดี'ให้ต่อรองก็ไม่ต้องกลัวใครคว่ำบาตร

แนะไทยศึกษาสูตร'รวันดา' ถ้าเรามี'ของดี'ให้ต่อรองก็ไม่ต้องกลัวใครคว่ำบาตร

สมมติว่าคุณกำลังจะเป็นมหาเศรษฐี 24 ล้านล้านดอลาร์ คุณยังจะต้องหงอให้ใครอีกไหม? 

แน่นอนว่าไม่ แถมคนอื่นยังพินอบพิเทาให้เราด้วยซ้ำ

นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ "รวันดา" 

รวันดาอาจจะอยู่ไกลไทย แต่อยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกัน 

สิ่งที่เหมือนไทยก็คือ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่นมารวันดาถูกรัฐสภายุโรปประณามฐานละเมิดสิทธิมุนษยชน เนื่องจากรวันดาสนับสนุนฝ่ายกบฎในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ต่อไปนี้จะเรียกว่า สปช. คองโก) มีผู้คนล้มตายมากมาย 

ไทยก็ถูกรัฐสภายุโรปประณามฐานส่งตัวชาวอุยกูร์ไปให้จีนเหมือนกัน

แต่รัฐสภายุโรปถุงขั้นเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปยกเลิกข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุต่างๆ กับรวันดา

แร่ธาตุนี้เป็นสิ่งทื่ยุโรปต้องการมาก เพราะสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล และในตอนนี้จีนก็มีแหล่งของตัวเอง สหรัฐฯ ก็ต้องการรีดเอาจากยูเครน ส่วนยุโรปก็หมายตาเอาจากรวันดานี่แหละ 

หลังจากผ่านไป 1 เดือนก็แล้ว 2 เดือนก็แล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปก็ยังไม่กล้าล้มดีลกับระวันดาตามที่รัฐสภาเสนอมา แถมรัฐมนตรีต่างประเทศยุโรปยังเถียงกันไม่จบว่าควรหรือไม่ควรทำดี 

แต่เท่าที่เห็นพ้องกันคือจะไม่คว่ำบาตรรวันดาเหมือนที่สหรัฐฯ ทำ แน่นอนว่าที่ไม่ทำไปนั้นก็เพื่อแร่ธาตุล้วนๆ 

แม้ว่าจะไม่ยอมคว่ำบาตรในระดับกลุ่ม แต่ประเทศอื่นๆ ในยุโรปเดินเกมกดดันระวันดากันเอง เช่น เบลเยี่ยม

เบลเยี่ยมเคยเป็นเจ้าอาณานิคมเก่าของประเทศรวันดาและประเทศ สปช. คองโก เอาแค่ตราบาปตอนที่ครองสปช. คองโกก่อน ตอนนั้นเบลเยี่ยมก็เก็บเกี่ยวทรัพยากรไปมาก เท่านั้นไม่พอยังทารุณกรรมประชาชนคองโกอย่างเลวร้าย 

ความเลวร้ายของเบลเยี่ยมในคองโกนั้นสาธยายไป 7 วัน 7 คืนก็ไม่จบ ถือเป็นเจ้าอาณานิคมฝรั่งที่โหดเหี้ยมที่สุดรายหนึ่ง

แต่แล้วจู่ๆ เบลเยี่ยมก็กลับมาเห็นอกเห็นใจ สปช. คองโก เสียอย่างนั้น และประณามการ "แทรกแซง" ของรวันดาใน สปช. คองโก

แต่รวันดาไม่สนใจ แถมในวันนี้ยังประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับเบลเยี่ยมมันซะเลย

รวันดาทำไมกล้าขนาดนี้?

ไม่ใช่เพราะรวันดามีสิ่งที่ยุโรปต้องการเท่านั้น แต่การแทรกแซง สปช. คองโก ยังทำให้ฝ่ายกบฎที่รวันดาสนับสนุนสามารถยึดครองพื้นที่ที่มีเร่ธาตุสำคัญมากเข้าไปอีก 

ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา สปช. คองโกเป็นผู้ผลิตโคบอลต์รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งคาดว่าจะผลิตโคบอลต์ได้ประมาณ 70% ของผลผลิตทั่วโลก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ทรัพยากรแร่ส่วนใหญ่ของประเทศคาดว่ามีมูลค่า 24 ล้านล้านดอลลาร์ 

เผอิญว่าจังหวัดนอร์ธคิวู ที่พวกกบฎที่ระวันดาสนับสนุนนั้นยังเป็นภูมิภาคที่มีทรัพยากรแร่ธาตุนับล้านล้านดอลลาร์

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับรวันดาก็คือ ยุโรปไม่กล้าทำอะไรกับประเทศนี้ตราบเท่าที่พวกเขาต้องการแร่ธาตุ 

แต่ในเวลาที่ยุโรปยังตัดสินใจไม่ถูกส่วนเบลเยี่ยมก็เดินเกมแรงเกินไป ทำให้รวันดา "ตัดขาด" มันซะเลย 

อีกเรื่องก็คือ กรณีรวันดากับเบลเยี่ยมถือเป็น "ความแค้นทางประวัติศาสตร์" เหมือนกัน เพราะเบลเยี่ยมเคยปกครองรวันดาในฐานะอาณานิคม แต่กลับใช้ระบบแบ่งแยกเชื้อชาติจนกระทั่งหลังได้รับเอกราช คนรวันดาที่ถูกแบ่งเชื้อชาติและปั่นให้เกลียดชังกัน ก็ลุกขึ้นมาฆ่าฟันกันเองกลายเป็น "กรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวันดา" เพราะเบลเยี่ยมวางยาไว้

แถมในยุคปัจจุบันรวันดายังกล่าวหาว่าเบลเยี่ยมเข้าข้างฝ่ายตรงข้ามในสงครามกลางเมือง สปช. คองโก ดังนั้นแค่สองเหตุผลนี้ก็มากพอแล้วที่รวันดาจะเลิกคบกับเบลเยี่ยม

ถ้าใครไม่รู้ว่ารวันดามีดีอะไรก็คงคิดว่า "รวันดาซวยแล้ว" เพราะลูกพี่ที่ยุโรปคงจะคว่ำบาตรจนประเทศล่มจมแน่

ที่ไหนได้ฝ่ายที่จะต้องคิดหนักคือยุโรป เพราะถ้ายุโรปทิ้งระวันดาไป "จีน" จะเข้ามาสวมแทนที่แน่นอน ส่วนเบลเยี่ยมนั้นเหลือทางเลือกเดียวคือต้องแทรกแซงสงครามกลางเมือง สปช. คองโก ให้มันสุดซอยไปเลย ไม่อย่างนั้นหมดสิทธิเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากแร่ธาตุใน สปช. คองโก กับ รวันดา เหมือนสมาชิกสหภาพยุโรปประเทศอื่นๆ 

เพราะใครๆ ก็ต้องเข้าหาประเทศที่มี "ของดี" มากมายเอาไว้หนุนเทคโนโลยนีดิจิทัลและการปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้า 

ยุโรปจึงยอมแล้วยอมอีก ต่อให้รัฐสภายุโรปขอให้ล้มดีล ฝ่ายรัฐมนตรีก็ยังไม่ยอมล้มดีล เพราะคนในสภามักเป็นพวกอุดมคติ แต่พวกในรัฐบาลนั้นต้องคำนวณผลประโยชน์เอาไว้ก่อน 

ดังนั้น ถ้าเกิดไทยถูกรัฐสภายุโรปประณามขึ้นมาก็ไม่ต้องรีบผวา ก่อนอื่นให้รีบสำรวจตัวเองก่อนว่า "เรามีดีอะไร" เพราะถ้ามีดีพวกคณะกรรมาธิการหรือรัฐบาลก็จะปรี่มาหาเราแน่นอน 

มันจะมีบางประเทศที่กล้าท้าทายเรา เหมือนเบลเยี่ยมที่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับระวันดา แต่ประเทศพวกนี้มัก "มีเบื้องหลังกันมาก่อน" พวกที่ "อยู่เป็น" จะไม่ยอมทำแบบนั้นเด็ดขาด

เหมือนกับกรณีรวันดา ไทยเองก็สามารถอยู่ในสถานนี้เช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะให้สนับสนุนการฆ่าฟัน ทำสงครามกลางเมือง แต่ให้สร้างเงื่อนไขที่มีค่าพอที่จะต่อรองกับมหาอำนาจได้ เพราะมหาอำนาจนั้นไม่ได้สนใจสิทธิมนุษยชนหรอก สิ่งที่สนใจคือผลประโยชน์ ไม่เชื่อโปรดดูกรณีรวันดาเป็นตัวอย่าง 

ถ้าประเทศเรามีของมาต่อรอง พวกเขาก็จะไม่กล้าใช้ "สิทธิมนุษยชน" มาเล่นงานเรา

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - สมาชิกของขบวนการ M23 ยืนเฝ้าขบวนทหารกองกำลังประชาธิปไตยเพื่อการปลดปล่อยรวันดา (FDLR) ที่กำลังเดินทางถึงจุดผ่านแดนหลักระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและรวันดาในเมืองโกมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2568 ในระหว่างที่ขบวนการ M23 กำลังดำเนินการส่งทหาร FDLR กลับประเทศรวันดา (ภาพโดย Jospin Mwisha / AFP)
 

TAGS: #รวันดา #สหภาพยุโรป