ถามความเห็นนักศึกษาไทย โมเดลการพัฒนาเมืองแบบจีน ทำอย่างไรให้กลายเป็น Better City สำหรับทุกคน
แม้จีนเพิ่งเปิดประเทศปลดล็อกความเข้มงวดด้านการเดินทางจากโควิด-19 แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งการพัฒนาภายในประเทศได้ จากการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ของจีนในหลายสำนักจากทั้งหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศ พบว่า นอกจากเมืองใหญ่อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซิ่นเจิ้น และหางโจว แล้วนั้น ในการจัดอันดับทุกครั้งจะมีรายชื่อของ 2 เมืองติดลิสต์อยู่เสมอนั่นคือเมือง คุณหมิง ในมณฑลยูนนาน เมืองในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขา
และเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน เมืองชายฝั่งริมทะเลซึ่งรัฐบาลจีนภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดี เติ้ง เสี่ยวผิง มีวิสัยทัศน์ให้เป็นหนึ่งใน 4 เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZs) ของยุคปฏิรูปและการเปิดประเทศของจีน ที่ทำให้ปัจจุบัน GDP ต่อหัวของประชากรในเซียะเหมินสูงถึง 20,000 เหรียญสหรัฐแล้ว จึงไม่แปลกที่เซียะเหมินกลายเป็นเมืองสำคัญและเป็นหนึ่งในเมืองที่ดึงดูดแรงงานชาวจีนรุ่นใหม่มากมาย
ทีม The Better News ได้พูดคุยกับ 'กิ่งกาญจน์ ไท้สุน' นักศึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ผู้มีประสบการณ์ทั้งเคยทั้งเรียนและอาศัยมาแล้วทั้งคุนหมิงและเซียเหมิน ถึงโมเดลแนวคิดอันน่าสนใจที่จีนนำใช้มาพัฒนาเมืองจนสามารถยกระดับความเจริญตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชากรได้อย่างน่าสนใจ
ทะเลสาบกลางเมืองในนครคุนหมิง
'คุนหมิง' คุณภาพชีวิตเทียบชั้นเมืองใหญ่
กิ่งกาญจน์ เล่าว่าเธอมีโอกาสเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยในเมืองคุนหมิง ก่อนเดินทางเธอแทบจินตนาการไม่ออกว่าเมืองคุนหมิงเป็นแบบใด รู้เพียงว่าเป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ไม่ไกลจากพรมแดนลาวกับพม่าและห้อมล้อมไปด้วยภูเขา "ประสบการณ์แรกที่รู้สึกได้ทันทีหลังจากออกจากสนามบินคือ อากาศดีมาก สัมผัสได้เลยว่าอากาศดีกว่าบ้านเรามาก อีกสิ่งที่เกินคาดคือ การจัดการผังเมืองดีมาก แม้คุนหมิงจะเป็นเมืองท่ามกลางภูเขา แต่ก็วางผังเมืองที่ดีมาก แถมเค้ายังดูแลต้นไม้ได้ดีมาก เหมือนเดินไปทางไหนก็เจอต้นไม้เต็มไปหมด ต้นไม้เยอะกว่าในกรุงเทพอีก ในเมืองมีตึกสูงก็จริงแต่ก็เค้าใส่ใจเรื่องความเป็นระเบียบมาก"
ด้วยประชากรราว 4.6 ล้านคน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปี ทำให้คุณหมิงในฐานะเมืองเอกของมณฑลยูนาน ไม่เพียงแค่มีเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่เมืองนี้ถือเป็นแหล่งสถานศึกษาที่น่าดึงดูดทั้งสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติและชาวจีน คุนหมิงมีสถาบันการศึกษาที่มีความโดดเด่นด้านวิชาการและวิทยาศาสตร์หลายแห่ง ทั้งถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน 200 เมืองชั้นนำของโลกจากผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ตลอดเวลา 3 ปีกว่าที่ใช้ชีวิตในคุนหมิง กิ่งกาญจน์ เปรียบเทียบว่าในแง่บรรยากาศคุณหมิงคล้ายกับจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองท่องเที่ยวเน้นธรรรมชาติ แต่มีความเจริญเทียบเท่ากรุงเทพ ในแง่ของค่าครองชีพคุนหมิงมีค่าครองชีพที่ถูกกว่ากรุงเทพ หรืออาจจะถูกกว่าหลายเมืองใหญ่ในจีน ระบบขนส่งสาธารณะมีราคาถูกกว่ามากแถมยังครอบคลุมไปทุกส่วนของเมือง จึงไม่แปลกที่เมืองแห่งนี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาหลายแห่ง จะดึงดูดนักศึกษาจากทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติจำนวนมาก
ต้นไม้ตามที่สาธารณะในนครคุนหมิง
"รถไฟฟ้าที่คุณหมิงถูกมากราคาเฉลี่ยสูงสุดเพียง 7-8 หยวน หรือไม่เกิน 40 บาท ส่วนรถเมล์ราว 1-2 หยวน ระบบคมนาคมเค้าจัดการดีมาก แม้ช่วงเร่งด่วนก็แทบจะไม่มีรถติด แถมอาหารยูนนานก็อร่อย ค่าครองชีพโดยเฉลี่ยก็ถูก ใช้ระบบ Cashless จ่ายได้ทุกอย่างอย่างทั่วถึง ไม่แปลกใจว่าทำไมเด็กจีนชอบมาเรียนที่นี่เพราะบรรยากาศมันดีมาก คุณภาพชีวิตมันสะดวกสบายกว่าอยู่กรุงเทพมาก แถมด้วยความที่เป็นเมืองประวัติศาสตร์ เค้าก็ยังสามารถพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการอนุรักษ์ความเก่าไว้ได้อย่างเป็นระเบียบ แทบทุกจุดของเมืองจะมีพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ตรงนี้รู้สึกชอบมาก "
ในมุมมองของกิ่งกาญจน์คิดว่า เหตุผลที่จีนสามารถทำให้เมืองที่แม้อยู่ห่างไกล มีความเจริญและพัฒนาพื้นที่ในเมืองให้น่าอยู่ได้นั้น ในมุมมองของเธอคิดว่า เพราะรัฐบาลเห็นความสำคัญของการยกระดับและพัฒนาชีวิตประชาชนเป็นอันดับแรก "เค้าพยายามอำนวยความสะดวกให้ประชาชน และพยายามทำหลายอย่างให้ยกระดับชีวิตประชาชน เห็นได้จากระบบขนส่งสาธารณะที่มีราคาถูกและสะดวกสบายกว่ามากเมื่อเทียบกับบ้านเรา"
สวนสาธารณะใจกลางเมืองเซี่ยเหมิน
'เซี่ยเหมิน' เมืองใหญ่แต่ไม่ไร้ธรรมชาติ
หากคุนหมิงเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ความเป็นเมืองเก่าท่ามกลางธรรมชาติ เซี่ยเหมินก็เปรียบเสมือนอีกหนึ่งเมืองท่าการค้าที่เป็นประตูการค้าของจีนในระดับโลกติดริมฝั่งทะเล กิ่งกาญจน์ เล่าว่าแม้ขณะนี้ใช้ชีวิตอยู่ในเซี่ยเหมินได้เพียง 1 เดือน ยอมรับว่า ลักษณะของเมืองมีความต่างอย่างมาก "ที่คุนหมิงเป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาธรรมชาติแวดล้อม ตรงกันข้ามกับเซี่ยเหมินที่เป็นเมืองท่าอยู่ริมทะเล เต็มไปด้วยตึกสูงมากมาย แต่สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองเมืองคือ เค้ายังรักษาธรรมชาติไว้ได้อย่างดี ที่เซี่ยเหมินแม้เป็นเมืองใหญ่ แต่มีต้นไม้และพื้นที่สีเขียวเยอะมาก เยอะกว่ากรุงเทพซะอีก ทั้งเซี่ยเหมินและคุนหมิงยังคงคอนเซ็ปต์พัฒนาเมืองไปพร้อมกับธรรมชาติ ตรงนี้คิดว่าเป็นโมเดลที่ดีนะ หากเราจะเอาไปใช้ในบ้านเรา"
ด้วยความที่เซี่ยเหมินเป็นหนึ่งในเมืองนำร่อง เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZs) ตามวิสัยทัศน์ของ เติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำจีน ทำให้เศรษฐกิจของเซี่ยเหมินเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการค้าที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทำให้เซี่ยเหมินเป็นเมืองที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก แต่ความเจริญก็สามารถเกิดขึ้นไปพร้อมกับการรักษาอัตลักษณ์และความเป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างลงตัว สำหรับเซี่ยเหมินถือว่าเป็นเพียงไม่กี่เมืองในจีนที่มีอัตรารายได้ประชากรต่อหัวในระดับสูง กว่าค่าเฉลี่ยของเมืองอื่น
ภาพบรรยากาศทั่วไปในนครเซี่ยเหมิน
"ค่าครองชีพในเซี่ยเหมินพอ ๆ กับกรุงเทพเลยนะ ในแง่ของค่ากินค่าที่พัก แต่ที่ดีกว่าคือค่ารถค่าเดินทางที่ยังถูกกว่ากรุงเทพหลายเท่า ราคาถูกพอกับคุนหมิงเลย ที่เซี่ยเหมินแม้เมืองจะเป็นเกาะที่มีประชากร 5.3 ล้านคน แต่ก็ไม่รู้สึกแออัดเลยนะ ทางเท้า ผังเมืองเป็นระเบียบมาก เดินไปตรงไหนก็มีต้นไม้เต็มไปหมด พื้นที่สีเขียวพบเห็นได้ในทุกมุมเมือง เลยรู้สึกไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่"
เทียบกันแล้วหากคุนหมิงเป็นเมืองแห่งการศึกษาที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ แต่เซี่ยเหมินเป็นเมืองเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยโอกาสด้านการงานสำหรับคนรุ่นใหม่ จึงไม่แปลกที่ในการจัดอันดับของหลายสำนักได้จัดให้เซี่ยเหมินเป็นหนึ่งในเมืองน่าอยู่น่าทำงานที่สุด ด้วยโอกาสด้านการงาน บรรยากาศที่อยู่ริมทะเล สภาพภูมิอากาศเหมาะสมและสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ในสไตล์ฮกเกี้ยน
กิ่งกาจนญ์ ทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า จากโมเดลของทั้งสองเมือง จะเห็นได้ว่าจีนมีการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตในแต่ละเมือง 'บนความต้องการพื้นฐานของประชาชน' ให้ความสำคัญต่อประชาชนเป็นอันดับแรก ทั้งอากาศสะอาด ท้องถนนสะดวก ขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม แต่สิ่งที่ต่างคือจีนสามารถรักษาและชูเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของแต่ละเมือง ให้มาเป็นจุดเด่นดึงดูดคนผู้คนที่มีความต้องการต่างกันอย่างน่าสนใจ "หากต้องการเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการ พร้อมกับคุณภาพชีวิตในธรรมชาติ คุนหมิงคือคำตอบ แต่หากต้องการชีวิตความเป็นเมืองพร้อมสีสันและโอกาสที่เปิดกว้างด้านการทำงานต้องมาที่เซี่ยเหมิน แต่ทั้งนี้ เมืองอื่นในจีนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครเช่นกัน"