ขณะนี้เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฟินแลนด์ และแคนาดา ได้ประกาศเตือนพลเมืองของตนที่ต้องการเดินทางไปยังสหรัฐฯ หลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ทำการปราบปรามผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย และมีการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวด ซึ่งในหลายกรณีถึงกับทำการควบคุมตัวไว้หลายวัน และเนรเทศชาวต่างชาติออกจากประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีได้ปรับคำแนะนำการเดินทางสำหรับพลเมืองเยอรมนีที่ต้องการจะเดินทางไปยังสหรัฐฯ หลังจากมีรายงานว่าพลเมืองของเยอรมนีหลายคนถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯจับกุมและควบคุมตัวขณะเดินทางเข้าสหรัฐฯ
การตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ เข้มงวดมากถึงขนาดที่ทางการเยอรมนีได้เตือนพลเมืองว่าการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ผ่านระบบอนุญาตเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ (ESTA) หรือแม้แต่การวีซ่าก็อาจจะไม่ได้รับประกันสิทธิในการเข้าประเทศ
คำแนะนำของกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีระบุว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ (หรือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง) มีอำนาจขั้นสุดท้ายในการตัดสินใจว่าบุคคลใดสามารถเข้าประเทศได้หรือไม่ รัฐบาลเยอรมนีจึงไม่สามารถดำเนินการใดๆ เพื่อย้อนกลับคำตัดสินปฏิเสธการเข้าประเทศได้ คำแนะนำดังกล่าวแนะนำให้ผู้เดินทางควรจะมีแสดงหลักฐานการเดินทางกลับประเทศ เช่น ตั๋วเครื่องบินเที่ยวกลับ เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
ในขณะที่สหราชอาณาจักรยังเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามกฎการเข้าเมืองทั้งหมด มิฉะนั้น "อาจถูกจับกุมหรือกักขัง" หลังจากมีรายงานว่านักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรถูกเจ้าหน้าที่ ICE (หรือ U.S. Immigration and Customs Enforcement) จับกุมและกักขังที่ชายแดนสหรัฐฯ-แคนาดาเมื่อต้นเดือนนี้
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของฟินแลนด์อ้างถึงคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ระบุว่าปัจจุบันสหรัฐฯ อนุญาตให้มีเพศได้เพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง และระบุว่าหากเพศที่ระบุในหนังสือเดินทางของผู้สมัครไม่ตรงกับเพศที่กำหนดไว้เมื่อแรกเกิด ใบอนุญาตเดินทางหรือคำร้องขอวีซ่าของพวกเขาอาจถูกปฏิเสธได้
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของเดนมาร์กได้ปรับปรุงแนวทางการขอวีซ่าไปยังสหรัฐฯ พร้อมคำเตือนที่คล้ายกัน โดยแจ้งผู้ที่ยื่นขอวีซ่าหรือ ESTA ไปยังสหรัฐฯ ว่าประเทศนี้อนุญาตให้เลือกเพศได้เพียง 2 เพศเท่านั้น สำหรับนักเดินทางที่มีเครื่องหมาย X ในหนังสือเดินทางหรือเครื่องหมายที่ต่างจากเพศที่กำหนดไว้เมื่อแรกเกิด กระทรวงแนะนำให้ติดต่อสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
แคนาดายังได้อัปเดตแนวทางการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เว็บไซต์ของรัฐบาลแคนาดาเตือนว่า ชาวแคนาดาและชาวต่างชาติที่เข้าประเทศสหรัฐฯ เกิน 30 วัน "จะต้องลงทะเบียนกับรัฐบาลสหรัฐฯ" และการไม่ปฏิบัติตามอาจส่งผลให้ "ได้รับโทษ ปรับ และดำเนินคดีในความผิดทางอาญา" และเสริมว่าประชาชนสามารถตรวจสอบเว็บไซต์สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯ เพื่อดูว่าตนต้องลงทะเบียนหรือไม่ และต้องลงทะเบียนอย่างไร
ทั้งนี้ มีกรณีที่น่าสนใจก็คือ หญิงชาวแคนาดาชื่อแจสมิน มูนีย์ เล่าว่าว่าเธอถูกควบคุมตัวเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากที่เธอไปยื่นขอวีซ่าที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ในระหว่างถูกควบคุมตัวรู้สึกเหมือนถูก “ลักพาตัว”
“จู่ๆ ฉันก็อยู่ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกำลังคุยกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับวีซ่าทำงานของฉัน ... จู่ๆ ฉันก็ถูกบอกให้เอามือพิงกำแพง และถูกตบตัวเหมือนอาชญากร ก่อนจะถูกส่งไปที่ศูนย์กักกันของ ICE โดยไม่มีโอกาสได้คุยกับทนายความ” มูนีย์ กล่าวในบทความที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ Guardian ของอังกฤษ
จากการรายงานของ Yahoo Canada ระบุว่ามีผู้ใช้ X รายหนึ่งกล่าว “เราจำเป็นต้องออกคำเตือนเรื่องการเดินทาง สหรัฐอเมริกาไม่ปลอดภัยสำหรับชาวแคนาดาอีกต่อไปแล้ว”
ทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - คริสตี้ โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ (ขวา) มองดูเจ้าหน้าที่ศุลกากรและป้องกันชายแดนตรวจสอบผู้คนในรถยนต์ขณะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาริโปซา-โนกาเลส ในเมืองโนกาเลส รัฐแอริโซนา วันที่ 15 มีนาคม 2025 (ภาพโดย Alex Brandon / POOL / AFP)