ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยังคงขึ้นภาษีไม่หยุดหย่อนกับสินค้าประเภทต่างๆ ล่าสุด คือการประกาศขึ้นภาษีรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเบาที่ผลิตในต่างประเทศ 25% โดยจะเริ่มเก็บตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนเป็นต้นไป และเสริมว่า “นี่เป็นการถาวร” โดยบอกว่า "หากผลิตในสหรัฐฯ ถือว่าไม่มีภาษีอย่างแน่นอน”
หลังจากทรัมป์ประกาศ 'สงครามภาษี' ครั้งใหม่ กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวในการแถลงข่าวประจำวันว่า "ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษี ไม่มีการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศใดๆ ที่ได้รับจากการจัดเก็บภาษี"
แต่นักธุรกิจจีนคิดอย่างไรกับ 'สงครามภาษี' ของทรัมป์
จากการรายงานของสำนักข่าวเจี้ยเมี้ยน《界面新闻》ผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารในกวางตุ้งเผยว่า ปริมาณคำสั่งซื้อที่ลดลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้กำไรรวมลดลงจากปีก่อนมากกว่า 40% ทำให้เขามีทัศนคติที่มองโลกในแง่ร้ายมากในช่วงนี้เจากปัญหาเรื่องนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ ผู้จัดการรายนี้ยังบอกว่า “มาตรการตอบสนองในปัจจุบันยังค่อนข้างนิ่งเฉย ในปัจจุบันไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากการหาลูกค้าทางเลือกในจีน (แทนที่การส่งออกไปยังสหรัฐฯ)”
โรงงานผลิตเครื่องครัวแห่งหนึ่งในกวางตุ้งที่ได้รับการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์หนานฟางตูซื่อ 《南方都市报》 กล่าวว่าการที่สหรัฐฯ กำหนดภาษีศุลกากรส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทั้งหมด เจ้าของธุรกิจรายนี้กล่าวว่าหลังจากปีใหม่ ลูกค้าได้ขอเลื่อนการจัดส่งสินค้าเนื่องจากได้ข่าวว่าสหรัฐฯ จะกำหนดภาษีศุลกากรกับจีน และตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ส่งคำสั่งซื้อเลย
ในโซเชียลมีเดียก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้เช่นกัน เช่น สมาชิกโซเชียลมีเดียรายหนึ่งเล่สว่า “เพื่อนหลายคนที่ทำธุรกิจในตลาดสหรัฐฯ บ่นว่าคงจะไม่มีคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ หลังจากเดือนพฤษภาคม และสินค้าทั้งหมดต้องส่งออกไปก่อนเดือนเมษายน นโยบาย 301 เดิมกำหนดอัตราภาษีศุลกากร 25% กับเรา และเราทำธุรกิจโดยมีกำไรน้อย ปีนี้ ผู้ซื้อขอลดค่าธรรมเนียม 10% ซึ่งหมายถึงการสูญเสียเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงยอมแพ้ต่อตลาดสหรัฐฯ”
อีกความเห็นบอกว่า “เราเป็นโรงงาน OEM และได้ดำเนินการตามคำสั่งซื้อของลูกค้าในอเมริกา ก่อนหน้านี้ เราต้องจัดส่ง 10,000 ถึง 20,000 ชิ้นทุกเดือน แต่ตอนนี้เราหยุดแล้ว ลูกค้าส่งอีเมลมาบอกให้หยุดก่อนแล้วรอดูก่อน จากนั้นจึงหยุดสินค้าทั้งหมดที่มีในมือ สินค้าสำเร็จรูปจะถูกนำเข้าโรงงานก่อน รอรับแจ้งเมื่อต้องจัดส่ง ลูกค้าบางคนต้องการแค่ลดราคา เรายังคงเจรจาอยู่ว่าจะแบ่งภาษี 10% อย่างไร คนละครึ่งหรือทั้งหมด ราคาเดิมอยู่ที่หลายหมื่นชิ้น แต่ตอนนี้ลดลงเหลือครึ่ง ลูกค้าก็อยู่เฉยๆ ตอนนี้เราไม่มีอะไรทำแล้ว เราทำงานกะกลางวันทุกวัน ไม่ต้องทำงานล่วงเวลาตอนกลางคืน ลูกค้ารอ และเราก็รอเหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่าจะพัฒนาไปอย่างไร”
อีกคนหนึ่งแลกเปลี่ยนว่า “ผู้บริหารโรงงานการค้าต่างประเทศหลายแห่งกล่าวว่าคำสั่งซื้อยังคงล้นตลาดในช่วงกลางถึงปลายเดือนเมษายน และยังมีคำสั่งซื้อที่ต้องดำเนินการอีกมาก ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาแทบจะไม่มีคำสั่งซื้อใหม่เลย ความยั่งยืนของคำสั่งซื้อยังย่ำแย่มาก และไม่มีใครรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป”
และอีกคนกล่าวว่า “ภาษี 20% เหมือนกับกิโยติน! ผู้บริหารโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ในเจียงซูคำนวณดูแล้วว่าภาษี 20% ไม่เพียงพอที่จะเอากำไรได้้ หากเราย้ายไปเวียดนาม การย้ายอุปกรณ์และการฝึกอบรมคนงานจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 5 ล้านหยวน ผู้อำนวยการโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ขนาดกลางในซูโจวกล่าวว่าลูกค้าขอให้เรารับผิดชอบค่าภาษีครึ่งหนึ่ง แต่เป็นไปไม่ได้เลย ตอนนี้เราต้องพึ่งพาคำสั่งซื้อในประเทศเท่านั้นเพื่อความอยู่รอด”
อย่างไรก็ตราม ในแง่ของเศรษฐกิมหภาค สำนักข่าวซินหัว 《新华社》ของทางการจีนระบุว่า "นโยบายภาษีศุลกากรกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ เสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคและส่งเสริมการพัฒนาข้อตกลงการค้าในภูมิภาค ตัวอย่างเช่น ปริมาณการค้าในภูมิภาคของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจีนเข้าร่วมนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 ปริมาณการค้าทั้งหมดของภูมิภาค RCEP สูงถึง 13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกคิดเป็น 30% ของส่วนแบ่งทั่วโลก และการนำเข้าคิดเป็น 25.8% ปริมาณการค้าของสินค้าบางประเภทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น เมื่อสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ เข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกที่ครอบคลุมและก้าวหน้า (CPTPP) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของประเทศสมาชิก CPTPP รวมจะคิดเป็น 15% ของเศรษฐกิจโลก เพิ่มขึ้น 3 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า"
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ภาพถ่ายนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2025 แสดงให้เห็นชายคนหนึ่งกำลังขนกล่องสินค้าบนแท่นไฟฟ้าที่ย่านการค้าในเมืองตงกวน มณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน (ภาพโดย Pedro PARDO / AFP)