โบอิ้ง (Boeing) ยักษ์ใหญ่ด้านการบินของสหรัฐฯ ซึ่งตอนนี้ก็ย่ำแย่อยู่แล้วจากกรณีข้อพิพาทด้านแรงงานและวิกฤตการควบคุมคุณภาพที่เลวร้าย ล่าสุด ถูกลากเข้าสู่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและรัฐบาลปักกิ่งในกรณีสงครามภาษีและการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
Boeing ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีสินค้าจีนหลายรายการสูงถึง 145% ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องขึ้นภาษีตอบโต้ 125%
ภาษีดังกล่าวทำให้ต้นทุนของเครื่องบินและชิ้นส่วนอะไหล่ที่ผลิตในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า
เมื่อวันอังคาร ทรัมป์กล่าวหาจีนว่าผิดสัญญากับ "ข้อตกลงใหญ่ของ Boeing" หลังจากสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าจีนสั่งสายการบินไม่ให้รับมอบเครื่องบินของบริษัทอีกต่อไป
รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่ารัฐบาลจีนขอให้สายการบินในจีนหยุดการจัดซื้ออุปกรณ์และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินจากบริษัทในสหรัฐฯ
Boeing ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Bloomberg รายงานว่าสายการบินจูนเยา (Juneyao Airlines) ของจีนได้เลื่อนการส่งมอบเครื่องบินลำตัวกว้างของ Boeing เนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ราคาแพงสูงขึ้น
เรื่องนี้ 'ไม่น่าแปลกใจ'
เว็บไซต์ของ Boeing ระบุว่าเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมมีคำสั่งซื้อ 130 ลำจากลูกค้าชาวจีน รวมถึงสายการบินและบริษัทให้เช่า
แต่เนื่องจากผู้ซื้อบางรายต้องการไม่เปิดเผยตัวตน ตัวเลขที่แท้จริงจึงอาจสูงกว่านี้
นักวิเคราะห์ของ Bank of America (BofA) ระบุว่า Boeing มีกำหนดส่งมอบเครื่องบิน 29 ลำในปีนี้ให้กับบริษัทจีนที่ระบุตัวตนได้ แต่เสริมว่าลูกค้าที่ไม่ระบุตัวตนจำนวนมากที่ซื้อเครื่องบินนั้นเป็นชาวจีน
ด้าน BofA Securities ระบุในบันทึกว่า "จีนคิดเป็นประมาณ 20% ของตลาดเครื่องบินพลเรือนขนาดใหญ่ในอีก 20 ปีข้างหน้า"
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถเพิกเฉยต่อ Boeing ได้เมื่อพิจารณาถึงดุลการค้า
“โบอิ้งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ดังนั้น เราไม่แปลกใจกับการเคลื่อนไหวของจีน อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ยั่งยืน” BofA Securities กล่าว
แอร์บัส (Airbus) ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของ Boeing ไม่สามารถเป็นซัพพลายเออร์เครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่เพียงรายเดียวของจีนได้ เนื่องจากบริษัทมีข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต
บริษัทอากาศยานพาณิชย์แห่งจีน (COMAC) ยัง “พึ่งพาซัพพลายเออร์ของสหรัฐฯ อย่างมาก” นักวิเคราะห์กล่าว
หากจีนหยุดซื้อส่วนประกอบเครื่องบินจากสหรัฐฯ โปรแกรม C919 ของ COMAC ซึ่งเป็นคู่แข่งของ 737 ของ Boeing หรือ A320 ของ Airbus จะต้องหยุดดำเนินการ พวกเขากล่าว
การขัดขวางการส่งมอบจะส่งผลกระทบต่อดุลการค้าของสหรัฐฯ อีกด้วย
การผลิตของ Boeing ชะลอตัวลงอย่างมากหลังจากปัญหาด้านคุณภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์บนเครื่องบินในเดือนมกราคม 2024 และโรงงานสองแห่งต้องหยุดชะงักในเวลาต่อมาจากการหยุดงานประท้วงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ตามข้อมูลทางการของสหรัฐฯ การส่งออกเครื่องบินพาณิชย์มีมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว แต่ลดลงเหลือ 2.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน และลดลงอีกในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน
ในเดือนธันวาคม เมื่อการส่งมอบเครื่องบินของ Boeing เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง มูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 พันล้านดอลลาร์
สายการบินลูกค้าว่ายังไง?
เคลลี ออร์ตเบิร์ก ซีอีโอของ Boeing เน้นย้ำก่อนหน้านี้ว่าบริษัทสนับสนุนการจ้างงาน 1.8 ล้านตำแหน่งในสหรัฐฯ
การหยุดการส่งมอบจะส่งผลโดยตรงต่อกลุ่มบริษัท ซึ่งโดยปกติแล้วจะได้รับเงิน 60% ของราคาเมื่อส่งมอบ
ด้วยความยากลำบากในปี 2024 Boeing กำลังเผชิญกับปัญหาขาดกระแสเงินสดซึ่งหมดลงจากการระบาดของโควิด-19 และปัญหาอื่นๆ
นอกจากความกังวลเกี่ยวกับจีนแล้ว Boeing ยังมีแนวโน้มที่จะถูกกดดันจากภาษีที่สูงขึ้นด้วย
ไมเคิล โอ'ลีรี ซีอีโอของไรอันแอร์ (Ryanair) ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้โดยสาร กล่าวเมื่อวันอังคารว่าบริษัทของเขาอาจเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 25 ลำที่คาดว่าจะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม หากเครื่องบินเหล่านี้ต้องเสียภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น
สายการบิน Ryanair ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Boeing ได้สั่งซื้อเครื่องบินรุ่น 737 MAX 10 จำนวน 300 ลำในเดือนพฤษภาคม 2023 โดยเป็นคำสั่งซื้อที่ยืนยันแล้ว 150 ลำ ในราคาประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์
เอ็ด บาสเตียน ซีอีโอของสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ (Delta Air Lines) กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะจ่ายภาษีศุลกากรสำหรับเครื่องบิน Airbus ที่เขาคาดว่าจะได้รับในปีนี้
Agence France-Presse
Photo - คนงานยืนอยู่หน้าเครื่องบิน Boeing 737 ที่โรงงาน Boeing ในเมืองเรนตัน รัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2025 (ภาพโดย Jason Redmond / AFP)