ทำเนียบขาวประกาศว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบเพื่อเริ่มต้นการสอบสวนความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติที่เกิดจากการที่สหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุสำคัญที่ผ่านการแปรรูปและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำเข้า

การสืบสวนนี้จะประเมินจุดอ่อนในห่วงโซ่อุปทาน ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการบิดเบือนตลาดต่างประเทศ และแนวทางแก้ไขการค้าที่มีศักยภาพเพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดหาวัสดุจำเป็นภายในประเทศอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

ทั้งนี้ แร่ธาตุที่สำคัญ รวมถึงธาตุหายาก มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติและความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ โดยไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ จีนห้ามส่งออกแกลเลียม เจอร์เมเนียม แอนติโมนี และวัสดุไฮเทคสำคัญๆ อื่นๆ ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปใช้ทางการทหาร

สัปดาห์นี้เอง จีนได้ระงับการส่งออกแร่ธาตุหายาก 6 ชนิด รวมถึงแม่เหล็กแร่ธาตุหายาก เพื่อปิดกั้นการจัดหาส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตอากาศยาน บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ และผู้รับเหมาด้านการทหารทั่วโลก

ทำเนียบขาวกล่าวว่า ขณะนี้มีการระงับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นแบบรายปรเทศระหว่างการหารือเหล่านี้ ยกเว้นจีนที่ตอบโต้สหรัฐ ทำให้ตอนนี้ จีนเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 245% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ อันเป็นผลจากการตอบโต้

ด้าน โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ อ้างคำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ว่า “the ball is in China’s court” (หมายความว่า ขึ้นอยู่กับจีนแล้วว่าจะทำอย่างไร)

“จีนจำเป็นต้องทำข้อตกลงกับเรา เราไม่จำเป็นต้องทำข้อตกลงกับพวกเขา” ลีวิตต์กล่าวในการแถลงข่าวโดยอ้างว่านี่เป้นคำกล่าวโดยตรงจากทรัมป์ จากการรายงานของ Al Jazeera

ด้านจีนเตือนว่า "ไม่กลัว" ที่จะทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ และย้ำเรียกร้องให้มีการเจรจากันอีกครั้ง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าจีนต้องเข้าร่วมโต๊ะเจรจา

หลินเจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า "หากสหรัฐฯ ต้องการแก้ไขปัญหานี้ผ่านการเจรจาและเจรจากันจริงๆ ก็ควรหยุดกดดันอย่างสุดโต่ง หยุดข่มขู่และแบล็กเมล์ และพูดคุยกับจีนบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ความเคารพ และผลประโยชน์ร่วมกัน"

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP