Holy Oil มงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด และราชรถพัชราภิเษก สามไฮไลท์สำคัญในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคิงชาร์ลส์ที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้

6 พฤษภาคมนี้ สหราชอาณาจักรจะมีพระราชพิธีสำคัญครั้งแรกในรอบกว่า 70 ปี ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคิงชาร์ลส์ที่ 3 สำหรับพิธีการสำคัญที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งตรงกับเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร 

สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา จะเสด็จออกจากพระราชวังบักกิงแฮม ไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ด้วนราชรถราชรถพัชราภิเษก (Diamond Jubilee State Coach) ซึ่งถือว่าเป็นราชรถใหม่ล่าสุด ที่รัฐบาลออสเตรเลียจัดถวายสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 2012 ในโอกาสทรงสิริรราชสมบัติครบ 60 ปี 

ตลอดเส้นทางเกือบ 2 กิโลเมตร จากพระราชวังบักกิงแฮม ไปยัง มหาวิหาเวสต์มินสเตอร์ ประชาชนชาวอังกฤษจำนวนมาพร้อมใจเฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา อย่างเนื่องแน่น แม้ว่าสำนักพยากรณ์อากาศอังกฤษจะคาดการณ์ว่าอาจมีโอกาสเกิดฝนตกในช่วงบ่ายก็ตาม

เมื่อเสด็จถึงยังมหาวิหารเวสต์มินเตอร์ อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี และอาร์คบิชอปแห่งยอรก์ 2 อัครมุขนายกและผู้นำหลักของคริสตจักรแห่งอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ประกอบพิธีสำคัญนี้จะรอรับเสด็จทั้งสองพระองค์ ก่อนพาเข้าไปยังแท่นพิธีภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ 

เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลอนดอน หรือตรงกับราว 17.00 น ตามเวลาในไทย พระราชพิธีจะเริ่มขึ้นด้วยการบรรเลงดนตรี ซึ่งกษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงเลือกมาด้วยตนเอง พร้อมกับการอัญเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำคัญทั้งมงกุฎ 2 องค์ที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงต้องใช้สวมใส่ พร้อมกับมงกุฎควีนแมรี่ที่พระราชินีคามิลาจะสวมใส่ พร้อมทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำคัญอื่นๆ อาทิ ลูกโลกประดับกางเขน ( globus cruciger) สัญลักษณ์แทนความเป็นอัครศาสนูปถัมภกแห่งนิกายคริสตจักรแห่งอังกฤษม, พระคฑาแห่งรัฐที่ด้านบนประดับด้วยเพชรคัลลิแนนขนาดใหญ่, คนโทรูปนกอินทรีย์ทองคำสำหรับใช้ในพิธีเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์, กำไลอาร์มิลล์ (armill) และเสื้อคลุมทองคำ

เมื่ออัญเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ไปยังแท่นพิธีแล้ว อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี จะกล่าวระกาศการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์พระองค์ใหม่ขณะประทับยืนอยู่ข้างพระราชอาสน์  พร้อมทั้งร้องเพลงชาติอังกฤษ God Save the King จากนั้นกษัตริย์พระองค์ใหม่จะทรงกล่าวคำปฏิญญา  กษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงให้คำมั่นว่าจะยึดถือกฎหมาย ปกครองสหราชอาณาจักรและเครื่องจักรภพ ตลอดจนพิทักษ์รักษาศาสนจักรแห่งอังกฤษ

หลังเสร็จสิ้นการกล่าวคำปฏิญาณ  อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ประกอบพิธีเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ โดยกษัตริย์พระองค์ใหม่จะทรงถอดฉลองพระองค์ที่ประดับเพชรพลอยทั้งหมดออก เหลือเพียงชุดคลุมสีขาว แล้วประดับบนพระราชอาสน์บัลลังก์เซนต์เอ็ดเวิร์ด (Coronation Chair) ที่ด้านล่างมีหินสโคนอันเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ของสก็อตแลนด์วางไว้อยู่

จากนั้นขุนนางชั้นสูงผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวินแห่งการ์เตอร์ จะเป็นผู้กางผ้าคลุมสีทองด้านบนเพื่อไม่ให้ผู้เข้าร่วมพิธีเห็นการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งการเจิมนี้สะท้อนถึงนัยยะว่ากษัตริย์องค์ใหม่ได้เข้าสู่พิธีชำระล้างบาป เพื่อรับพรจากพระผู้เป็นเจ้าในการปกครอง อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีจะทำการเจิมนำมันศักดิ์สิทธิ์ให้กษัตริย์องค์ใหม่ที่ หน้าผาก หน้าอก และมือทั้งสองข้าง และทำการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์แก่พระราชินีคามิลาที่หน้าผากเพียงแห่งเดียว โดยทั้งส่วนประกอบและพิธีการเจิมนี้จะเป็นความลับที่ไม่ถูกถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ ในระหว่างพิธีเจิมจะมีการบรรเลงเพลงสำคัญคือ zadok the priest ซึ่งเป็นเพลงที่ถูกใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษเรื่อยมาตั้งแต่ยุคกลาง

หลังการถวายการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้น อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีจะทำการถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์แด่กษัตริย์พระองค์ใหม่ ขณะที่ยังประทับบนพระราชอาสน์บัลลังก์เซนต์เอ็ดเวิร์ด เริ่มจากถวายลูกโลกทองคำประดับกางเขน อันเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจทางศาสนาและเพื่อปกครองด้วยศีลธรม พระคทาแห่งรัฐสัญลักษณ์ของความยุติธรรมและความเมตตากรุณาในการปกครอง จากนั้นจึงเป็นการสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดลงบนพระเศียร ซึ่งเป็นมงกุฎสำคัญที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1661 ตัวเรือนมงกุฎเป็นทองคำแท้ประดับด้วยเพชรพลอย มีน้ำหนักรวม 2.3 กิโลกกรัม พร้อมกับมีการสวมมงกุฎควีนแมรี่แด่พระราชินีคามิลา

หลังเสร็จสิ้นพิธีสวมมงกุฎ กษัตริย์พระองค์ใหม่และพระราชินีจะเสด็จกลับไปยังพระราชวังบักกิงแฮมด้วยราชรถทองคำ (Gold State Coach) ตามพระราชธรรมเนียมดั้งเดิม ซึ่งเป็นราชรถที่อายุเก่าแก่ 260 ปี และใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษมาอย่างยาวนาน 

เมื่อถึงพระราชวังบักกิงแฮม เป็นธรรมเนียมที่กษัตริย์และพระราชินีพระองค์ใหม่ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จออกสีหบัญชร (ระเบียง) ด้านหน้าพระราชวังเพื่อให้ประชาชนชาวอังกฤษได้ชื่นชมพระบารมี