ทั่วโลกหนี้สินพุ่งสูงสุดประวัติการณ์ แตะระดับเกือบ 305 ล้านล้านดอลล์ เหตุแบงก์ชาติทุกประเทศปรับดอกเบี้ย ชี้จีน บราซิล อินเดีย หนี้เพิ่มมากสุด
เว็บไซต์ CNBC รายงานว่า สถาบันมาตรวัดทางการเงินระหว่างประเทศ (Institute of International Finance) รายงานข้อมูลพบว่า มาตรวัดหนี้สินทั่วโลกในไตรมาสแรกสะสมจนแตะระดับเกือบ 305 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดเกือบเป็นประวัติการณ์สืบเนื่องปัจจัยสำคัญคือ การที่บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกแห่ประขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ประกอบแนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ส่งผลให้ทั้งโลกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
รายงานจากสถาบันการเงินระบุว่าประเทศระบุว่า ยอดสะสมหนี้สินทั่วโลกพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปี 2022 ราว 8.3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ สู่ระดับ 304.9 ล้านล้านดอลลาร์ สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีก่อน และเป็นไตรมาสที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่มีการบันทึกมา
"หนี้โลกในตอนนี้สูงกว่าระดับช่วงก่อนหน้าโรคระบาดใหญ่ 45 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดหมายว่ามันจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากหนี้สินโลกดีดตัวขึ้นอย่างมาก พีกสุดเกือบ 360% ในปี 2021 อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อผลผลิตทรงตัวอยู่ที่ระดับเหนือกว่าช่วงก่อนหน้าโรคระบาดใหญ่ราว 335%” IIF ระบุ
สถาบันการเงินระหว่างประเทศ เผยให้เห็นว่า 75% ของตลาดเกิดใหม่ต่างพบเห็นระดับหนี้สินในรูปแบบของดอลลาร์เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก ซึ่งตัวเลขรวมทั้งหมดแตะระดับเหนือกว่า 100 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก โดยพบว่า จีน เม็กซิโก บราซิล อินเดีย และตุรกีมีหนี้สินเพิ่มขึ้นในระดับมากที่สุด ตามลำดับ
รายงานของ IIF ยังเผยว่า หลายประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัยที่ส่งผลให้ต้นทุนด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น ยังคงกดดันให้รัฐบาลหลายชาติเดินหน้าใช้จ่าย ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ก็เป็นอีกปัจจัยที่ถูกคาดหมายว่าจะผลักดันให้มีการยกระดับการใช้จ่ายด้านป้องกันประเทศเพิ่มมากขึ้นในระยะกลาง
อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญคือ ผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปีที่แล้ว ทำให้สถานการณ์หนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับวิกฤตธนาคารล้มในสหรัฐที่แม้จะดูเหมือนเป็นความล้มเหลวเชิงระบบในการบริหารของธนาคารเอง แต่ความกังวลเกี่ยวกับการลุกลาม กระตุ้นให้มีการถอนเงินฝากเป็นจำนวนมากออกจากบรรดาธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งยังคงมีอยู่