เวียดนามเตรียมลดการส่งออกข้าวลง 44% เหลือ 4 ล้านตันภายใน 7 ปี ตั้งเป้าบริโภคในประเทศเป็นหลัก แทนส่งออกแข่งชาติเพื่อนบ้านในอาเซียน
รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลเวียดนามได้เผยแพร่เอกสารลงวันที่ 26 พฤษภาคม ระบุถึงเป้าหมายที่จะลดการส่งออกข้าวลงเหลือ 4 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030 โดยเวียดนามได้บรรลุระดับการส่งออกข้าวที่ระดับ 7.1 ล้านตันในปีที่ผ่านมา
ที่ผ่านมาเวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดียและไทย ความเคลื่อนไหวในการลดการส่งออกข้าว รัฐบาลฮานอยมีเป้าหมายเพื่อ ”ส่งเสริมการส่งออกข้าวคุณภาพสูง สร้างความมั่นคงทางอาหารในประเทศ ปกป้องสิ่งแวดล้อม และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
ข้อมูลของรัฐบาลเวียดนามคาดกว่า รายได้จากการส่งออกข้าวจะลดลงเหลือราว 2,620 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ลดลงจากปัจจุบันซึ่งเวียดนามมีรายได้ส่งออกข้าวที่ราว 3,450 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2022
“แม้ว่าพื้นที่ทำนาของเวียดนามจะลดลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ประกอบกับเกษตรกรบางส่วนเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นและเลี้ยงกุ้งแทน แต่กลยุทธ์ดังกล่าวดูเหมือนจะก้าวร้าวเกินไป” หนึ่งในผู้ค้าข้าวในนครโฮจิมินห์ แสดงความเห็นโดยกังวลต่อผลกระทบของค้าข้าวในตลาดต่างประเทศที่จะเกิดขึ้น
ผู้ค้าข้าวในนครโฮจิมินห์สะท้อนว่า ชาวนาบางส่วนแถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงกำลังเปลี่ยนพื้นที่นาบางส่วนไปเป็นสวนผลไม้ ปลูกมะม่วง ส้มโอ ขนุน และทุเรียน เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคของชาวจีน เช่นเดียวกับแนวโน้มการเลี้ยงกุ้งเกิดขึ้นในพื้นที่มานานหลายปี เนื่องจากน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ความเค็มบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงสูงขึ้นจนสามารถเลี้ยงกุ้งได้
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ของเวียดนามมานาน คิดเป็นส่วนราว 45% ของข้าวที่ส่งออกจากเวียดนาม เอกสารรัฐบาลเวียดนามยังกำหนดว่า ภายในปี 2025 การส่งออกข้าวของเวียดนามราวว 60% จะถูกส่งไปยังตลาดเอเชีย 22% ไปยังแอฟริกา 7% ไปยังสหรัฐอเมริกา 4% ไปยังตะวันออกกลาง และอีก 3% ยังตลาดยุโรป
ในแผนของเวียดนาม ตั้งเป้ามุ่งเน้นการผลิตข้าวหอมและข้าวเหนียวคุณภาพสูง ในขณะที่ลดการผลิตธัญพืชคุณภาพต่ำลงเหลือ 15% ของผลผลิตทั้งหมดภายในปี 2568 และเหลือ 10% ภายในปี 2030
บรรดาผู้ค้าขาวในจังหวัดอานซาง แถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงแสดงความสงสัยว่า กลยุทธ์ดังกล่าวของรัฐบาลอาจไม่สามารถทำได้จริง เนื่องจากการผลิตข้าวขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน ไม่ใช่การตัดสินใจของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม มีผู้ค้าข้าวบางส่วนมองว่านโยบายนี้รัฐบาลอาจต้องการรองรับปริมาณประชากรเวียดนามที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
