เปิดภาพ FBI บุกค้นบ้าน โดนัลด์ ทรัมป์ พบแฟ้มลับข้อมูลนิวเคลียร์และความมั่นคงซุกเต็มบ้าน แจ้งข้อหา 37 กระทง โทษสูงสุดจำคุก 20 ปี
บีบีซีรายงานว่า สำนักงานอัยการสหรัฐได้ออกมาเปิดรายละเอียดคำฟ้องของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่อัยการสหรัฐได้เปิดเผยยื่นฟ้องร้องอดีตผู้นำสหรัฐต่อศาลสูงแขวงรัฐฟลอริดา ในข้อกล่าวหา อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ครอบครองเอกสารลับสุดยอดของรัฐบาลในด้านนิวเคลียร์ และด้านการทหาร หลังจากลงจากตำแหน่งไปแล้ว โดยมีการเก็บเอกสารดังกล่าวไว้เต็มบ้านพักส่วนตัว
คำฟ้องของอัยการสหรัฐจำนวน 49 หน้าระบุว่า ทรัมป์ได้นำเอกสารชั้นความลับของรัฐบาลสหรัฐจำนวนหลายร้อยฉบับ เก็บอยู่ในกล่องกระดาษไปที่คฤหาสน์มาร์-อา-ลาโกในรัฐฟลอริดา ภายหลังลงจากตำแหน่งแล้ว ซึ่งคฤหาสน์ดังกล่าวมักถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานสังคมขนาดใหญ่และเป็นสโมสรกอล์ฟคลับ ซึ่งเสี่ยงต่อการที่ข้อมูลจะถูกจารกรรมรั่วไหล
คำฟ้องของอัยการสหรัฐระบุว่า เอกสารลับที่ทรัมป์เก็บไว้ในบ้านมีข้อมูลลับทางราชการหลายประเภท อาทิ บันทึกของกระทรวงกลาโหม สำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอสเอ) จำนวนนี้ในส่วนข้อมูลลับกระทรวงกลาโหม มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับขีดความสามารถในด้านการป้องกันและอาวุธของทั้งสหรัฐและต่างประเทศรวมอยู่ด้วย มีข้อมูลโครงการด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐ รวมถึงโอกาสในการเกิดจุดอ่อนของสหรัฐ และชาติพันธมิตรในการถูกโจมตีทางทหารตลอดจนแผนการตอบโต้
อัยการสหรัฐระบุว่า หลังนายทรัมป์ลงจากตำแหน่งชี้ชัดว่าเขามีความตั้งใจนำแฟ้มลับประมาณ 300 แฟ้ม กลับไปยังคฤหาสน์ในฟลอริด้าอย่างชัดเจน คำฟ้องยังชี้อีกว่า นายวอลท์ เนาตา ผู้ช่วยส่วนตัวของทรัมป์ซึ่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ถูกตั้งข้อหา 6 กระทงจากการช่วยทรัมป์ซ่อนเอกสารไว้ตามที่ต่างๆ ของ โดยจากการบุกตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่ามีกล่องเก็บเอกสารลับจำนวนมากภายใน ห้องบอลรูม ห้องน้ำ ห้องนอนของทรัมป์ และห้องเก็บของ ซึ่งถือเป็นการเปิดเผย จัดเก็บ และครอบครองเอกสารลับโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งอาจทำให้ความมั่นคงของสหรัฐ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความปลอดภัยของกองทัพสหรัฐ และทรัพยากรมนุษย์ตกอยู่ในความเสี่ยง
อัยการสหรัฐได้สั่งฟ้องทรัมป์จำนวน 37 ข้อหา แยกกันในคำฟ้อง รวมถึง 31 ข้อหาเกี่ยวกับการจงใจเก็บข้อมูลการป้องกันประเทศที่เกี่ยวข้องกับเอกสารเฉพาะ ในแต่ละข้อหาจะมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี นอกจากนั้น ทรัมป์ยังถูกฟ้องร้องในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกันขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี รวมถึงข้อหาถือครองเอกสารและบันทึกของรัฐบาล ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุก 20 ปีเช่นกัน