รายได้เยอะ หุ้นกลับมาดี แต่ทำไม Tesla ยังมีปัญหาใหญ่รออยู่

รายได้เยอะ หุ้นกลับมาดี แต่ทำไม Tesla ยังมีปัญหาใหญ่รออยู่
Tesla กับปัญหาใหญ่ที่อีลอน มัสก์ ยังต้องเผชิญ แม้รายได้จากการขายรถพุ่งมูลค่าหุ้นทะยาน 

beartai ท่ามกลางพายุแห่งปัญหา ตลาดที่มีการแข่งขันสูง การลดราคา และดราม่าของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) หลังจากที่เข้าไปดูแลทวิตเตอร์ (Twitter) ตอนนี้ถ้าดูเพียงแค่ราคาหุ้นของเทสลา (Tesla) ดูเหมือนว่าจะกลับมาสดใสอีกครั้งในรอบหลายปี หลังจากที่ระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 มกราคม 2023) หุ้นพุ่งขึ้นไป 33% ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 2013 หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขรายได้สุทธิ 3,700 ล้านเหรียญในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 59% ในไตรมาสเดียวกัน

3 ปีติดแล้วที่เทสลาสร้างกำไรได้ รายได้สุทธิในปีก่อน 14,100 ล้านเหรียญ เทียบกับปีก่อน (2021) ที่ 5,500 ล้านเหรียญ และก่อนหน้านั้น (2020) ที่ได้เพียงแค่ 721 ล้านเหรียญเท่านั้น

ในช่วงที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นข่าวของเทสลาผ่านมัสก์ซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะถ้าจะบอกว่าเขาคือหัวใจหลักของบริษัทแห่งนี้ก็คงไม่ผิดนัก การที่เขาใช้เวลากับทวิตเตอร์อย่างหนัก แถมยังขายหุ้นเทสลาของตัวเองออกมาเพื่อไปเป็นทุนสำรองให้กับทวิตเตอร์ยิ่งทำให้เกิดคำถามขึ้นในหัวของนักลงทุนด้วย (ถึงขั้นมีข่าวลือว่าเทสลาอาจจะเปลี่ยนซีอีโอเลยทีเดียว แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น)

เทสลา Tesla รถยนต์ไฟฟ้า

แต่ปัญหาของเทสลามีมากกว่าแค่ดราม่าของมัสก์กับทวิตเตอร์ ตอนนี้นักลงทุนจากที่เคยกังวลว่าเทสลาจะผลิตรถยนต์ให้ได้ตามความต้องการของลูกค้าได้ยังไง มาเป็นตอนนี้จะหาลูกค้าจากไหนให้พอกับจำนวนรถยนต์ที่ผลิตเพิ่มขึ้นกันล่ะ จำนวนรถยนต์ที่ส่งมอบนั้นลดลงไปเหลือราว ๆ 40% จาก 87% เมื่อปีก่อน แม้ว่าจะเป็นยอดที่สูงอยู่ แต่ก็น้อยกว่าที่มัสก์ตั้งเป้าไว้ที่ 50% อยู่ดี

การผลิตที่เพิ่มขึ้นในตอนนี้จากโรงงานขนาดใหญ่แห่งใหม่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา และในประเทศเยอรมนี ก็กลายมาเป็นปัญหาว่าแล้วลูกค้าจะไปหาเพิ่มยังไงดี จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้เพิ่ม ดีมานด์ในตลาดที่ลดลงจากการแข่งขันจากค่ายรถยนต์ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่

ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการพยายามควบคุมเงินเฟ้อ สองอย่างนี้รวมกันทำให้ลูกค้านั้นเริ่มชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เทสลาเองก็ขึ้นราคามาเรื่อย ๆ ช่วงการระบาดของโควิดเพราะวัตถุดิบต่าง ๆ ขึ้นราคาและความต้องการของรถเทสลาก็สูงด้วย จึงเป็นจังหวะในการขึ้นราคาไปด้วยเลย แต่ตอนนี้ต้องกลับมามองจุดนี้ใหม่ ซึ่งนำมาซึ่งการตัดลดราคาในจีนและอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา

และคิวที่ต้องรอนานอย่างต่ำ 6 เดือนในอเมริกาหรือจีนในช่วงต้นปี 2022 ตอนนี้ไม่ต้องรอแล้ว รายงานจากหนังสือพิมพ์ Financial Times บอกว่าส่วนแบ่งตลาดของเทสลาในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2022 ก็ลดลงเหลือ 65% จากที่เคยสูงถึง 79% ในปี 2020 และคาดว่าภายในปี 2025 จะเหลือเพียงแค่ 20% เท่านั้น

จนกลายเป็นการตั้งคำถามว่า นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเทสลาแล้วรึเปล่า? พวกเขาจะกลายเป็นเพียงแค่ ‘หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า’ จากหลายสิบแห่งหลายร้อยแห่งของโลกแล้วใช่ไหม?

ถ้ามองว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นบริษัทดูดีเป็นอย่างมาก อยากให้ลองย้อนกลับจากที่จุดสูงสุดช่วงปลายปี 2021 ถ้านับจากช่วงนั้นถึงตอนนี้ (แม้ว่าจะฟื้นมาบ้างแล้ว) ก็ยังร่วงไปเกือบ 60% เลยทีเดียว ตรงนี้ก็ทำให้มัสก์ร่วงหล่นจากตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมาอยู่อันดับ 2 จนติดสถิติกินเนสบุ๊กบุคคลแรกของโลกที่สูญเสียความมั่งคั่ง 200,000 ล้านเหรียญ

อีลอน มัสก์ เทสลา Tesla

 

แดน ไอฟ์ (Dan Ives) นักวิเคราะห์ที่ Wedbush Securities (บริษัทการลงทุนของเอกชนที่ตั้งอยู่ในลอสแอนเจลิส) กล่าวไว้ก่อนรายงานผลประกอบการล่าสุดว่า

“หลังจากประสบกับการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในตลาด EV ที่มัสก์สร้างขึ้นเป็นแกนหลัก ตอนนี้เทสลาต้องเผชิญกับตลาดภาพใหญ่ที่มืดมนมากขึ้นในปี 2023 ด้วยการแข่งขันที่รุนแรงจากทุกมุม นอกเหนือจากนั้น มัสก์ได้เปลี่ยนจากซูเปอร์ฮีโรสวมเสื้อคลุมสีแดงกลายเป็นวายร้ายในสายตาของนักลงทุนจำนวนมาก หลังจากที่ความล้มเหลวของทวิตเตอร์ที่กำลังดำเนินอยู่ได้สร้างเงามืดเหนือหุ้นของเทสลาด้วย”

หนึ่งในมุมมองที่ตอนนี้ตลาดมีต่อเทสลาและมัสก์ก็คือว่าเขากำลัง ‘หลับคาพวงมาลัย’ และทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา ยุ่งมากจนลืมโฟกัสกับเทสลาว่าตอนนี้เจอปัญหารุมเร้ามากขนาดไหน คู่แข่งเข้ามาในตลาดโดยราคาถูกกว่า เทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน ภาพลักษณ์ของเขาในการเป็นผู้นำที่พูดกลับไปกลับมา (อย่างเรื่องอิสรภาพในการแสดงออกทางคำพูด) ก็ยิ่งทำให้เทสลาดูแย่ลงไปอีกในสายตาของลูกค้า จึงหันไปหาเจ้าอื่น ๆ เป็นทางเลือกได้ไม่ยากนัก

ในฐานะของผู้นำตลาดรถยนต์ EV เทสลาถูกมองว่าเป็นผู้ชี้นำด้านพลังงานไฟฟ้าของอุตสาหกรรมยานยนต์มาช้านาน นักวิเคราะห์เชื่อว่าการปรับลดราคาของบริษัทเมื่อเร็วๆ นี้เป็นเพียงสัญญาณล่าสุดว่าตลาด EV อาจเข้าสู่ช่วง ‘Shake-Out’ ที่ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กำไรเริ่มลดลง เนื่องจากคู่แข่งจำนวนมากในตลาด เวลารอสั้นลง และราคาในท้องตลาดลดลงด้วย

แต่ตราบใดที่มัสก์ยังเป็นซีอีโอของทวิตเตอร์และเทสลา เราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าการลดราคาอย่างเดียวจะเพียงพอที่จะดึงลูกค้าและสร้างความต้องการให้กลับมาได้อีกหรือเปล่า “มัสก็คือเทสลา และเทสลาก็คือมัสก์” สองอย่างนี้ดูจะแยกจากกันไม่ได้

แต่มัสก์เองก็ยังมีแฟนคลับค่อนข้างเยอะ คนที่สนับสนุนแนวคิดและการทำงานก็มีไม่น้อย ซึ่งสำหรับคนที่เชื่อในมัสก์และเทสลา นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในการเข้าไปถือหุ้นเพิ่ม แต่สำหรับคนที่คิดว่าต่อไปเทสลาอาจจะเป็นเพียงแค่บริษัทผลิตรถยนต์แห่งหนึ่งเท่านั้น นี่ก็อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าอนาคตของเทสลาน่าจะไม่ได้สดใสอีกต่อไปแล้ว


บทความจาก beartai ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ The Better เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว

TAGS: #เทสลา Tesla รถยนต์ไฟฟ้า อีลอน มัสก์