เกิดอะไรขึ้นในฮอลีวู้ด หลังดารานักเขียนบทลงถนนจ่อหยุดงานยาว ประท้วงค่ายหนังจ้างงานไม่เป็นธรรม

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในนครลอสแองเจลิสเกิดการเดินขบวนประท้วงหยุดงานของสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา หรือ Writers Guild of America (WGA) ที่ยกระดับขึ้นเป็นการประท้วงหยุดงานวงกว้างทั่วทั้งฮอลีวู้ด ซึ่งนอกจากบรรดานักเขียนบทภาพยนตร์ซีรีย์แล่ว ยังมีบรรดาดังแสดงผู้มีชื่อเสียงมากมายร่วมลงถนนเดินขบวนประท้วงด้วย

การประท้วงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่บรรดาสหภาพแรงงานที่เป็นตัวแทนของนักแสดงทั้งทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ในสหรัฐฯ ไม่สามารถบรรลุข้อตลกลงเจรจาต่อผู้บริหารสตูดิโอผู้ผลิตผลงาน ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงอันเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายได้ 

ประเด็นของการประท้วงนี้คือ บรรดานักเขียนและนักแสดงกำลังเจรจากับ  Alliance of Motion Picture and Television Producers (AMPTP)  ซึ่งเป็นสมาคมกลุ่มสตูดิโอผู้ผลิตภาพยนตร์และซีรีย์ เรื่องให้มีการจ่ายเงินต่อนักแสดงและนักเขียน ในกรณีที่มีการฉายผลงานเหล่านั้นซ้ำ หรือเรียกว่า residuals อาทิเช่น หากสตูดิโอผู้ผลิตมีการนำผลงานของนักแสดงหรือผู้เขียนบทคนใด ไปออกฉายในบริการสตรีมมิ่งไม่ว่าเป็นแพลตฟอร์ม Netflix, AmezomPrime ตลอดจน Disney+ ที่มียอดการเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น มากกว่าการออกอากาศทางโทรทัศน์ แต่ทางสตูดิโอกลับจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้เขียนบทและนักแสดงในจำนวนเท่ากับการออกอากาศทางโทรทัศน์ เป็นเหตุให้ WGA ไม่พอใจต่อบรรดาสตูดิโอหนังและสตรีมมิ่งต่อกรณีดังกล่าว นับเป็นการเผชิญกับการหยุดงานคู่ขนานของทั้งฝ่ายนักเขียนและฝ่ายนักแสดงในรอบ 63 ปี  ที่จะสร้างผลกระทบต่อการผลิตผลงานทั้งในสหรัฐและในต่างประเทศ 

แมตต์ เดมอน หนึ่งในนักแสดงชื่อดังที่ร่วมการประท้วงดังกล่าวด้วย ได้ให้ความเห็นระหว่างการโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer ว่า การที่นักแสดงคนหนึ่งจะมีสิทธิ์ได้ประกันสุขภาพ คน ๆ นั้นต้องมีรายได้ขั้นต่ำปีละ 26,000 ดอลลาร์ (ราว 884,000 บาท) แต่นักแสดงจำนวนมากไม่ได้ทำเงินได้ถึงระดับนั้นจากส่วนของ residual pay ในขณะที่สตูดิโอมีการทำเงินจากการนำผลงานเก่าออกมาฉายบนสตรีมมิ่ง จึงต้องมีการจัดสรรปันส่วนในแบบที่ทั่วถึงทุกคนที่พึ่งได้รับส่วนแบ่ง”

ด้านสตูดิโอค่ายหนัง ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ว่า แม้ค่ายหนังจะมีบริการสตรีมมิ่งแต่ก็เป็นแพลตฟอร์มที่มีการแข่งขันสูงและไม่ได้ทำงานมากพอ ทั้งต้องควักเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างสรรค์ผลงานมาดึงดูดผู้ชมให้สมัครสมาชิกกับตน โดยที่ผ่านมา บริษัทดิสนีย์ (Disney), คอมคาสต์ (Comcast Corp), เอ็นบีซียูนิเวอร์แซล (NBCUniversal) และพาราเมาท์โกลบอล (Paramount Global) ต่างออกมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มีรายได้จากค่าสมาชิกและโฆษณาบนแพลตฟอร์มที่ขาดทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสล่าสุด ขณะที่ การให้บริการชมวิดีโอผ่านระบบออนไลน์ที่เป็นที่นิยมในช่วงที่ผ่านมาก็ไปลดรายได้ค่าโฆษณาทางโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตัวเลขผู้ชมโทรทัศน์แบบปกติหดหายลงเรื่อย ๆ