เงินบาทกำลังจะมีบทบาทแทนที่เงินดอลลาร์ในเมียนมา หลังจากที่ทหารเมียนมาเริ่มหมดทางเลือก
Burma News International (BNI) รายงานว่า สภาทหารเมียนมา ซึ่งเป็นคณะรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมา ประกาศให้เงินบาทของไทย เป็นสกุลเงินในการชำระเงินระหว่างประเทศ และใช้ในการจัดการบัญชีการเงิน หลังจากที่เผด็จการทหารเมียนมาถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ จนทำให้การใช้เงินดอลลาร์ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นไปได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
BNI รายงานว่า "ตามแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับธนาคารกลาง การตัดสินใจนำเงินบาทมาใช้ในการชำระเงินระหว่างประเทศนั้นมีวัตถุประสงค์สองประการ คือเป็นการแทนที่เงินดอลลาร์และตอบโต้การคว่ำบาตรที่กำหนดโดยธนาคารสิงคโปร์ต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสภาการทหาร" พร้อมยืนยันว่าการใช้เงินบาทมาแทนที่ดอลลาร์ก็เพื่อแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรับมือกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
ในพื้นที่ชายแดนกับไทยรับเงินบาทในการทำธุรกิจกันแล้ว และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทต่อเงินจ๊าพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด 1 บาทมีค่าถึง 100 จ๊าตแล้ว
นอกจากจะถูกค่ำบาตรจนใช้เงินดอลลาร์ไม่สะดวกแล้ว การที่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับเงินจ๊าตที่ต่างกันอย่างมาก และทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเงินของเมียนมา ทำให้การนำเข้าสินค้าจากไทยไปยังเมียนมามีราคาสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
Karen News ซึ่งเป็นสำนักข่าวของชาวกะเหรี่ยงในเมียนมารายงานเมื่อเดือนกรกฎาคมว่ามีการจับกุมกว่า 50 ครั้งโดยกองทัพเมียนมา โดยมีเป้าหมายที่ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ ทำให้เกิดการขาดแคลนดอลลาร์ในตลาด ส่งผลให้ผู้ที่มีเงินดอลลาร์ลังเลที่จะขายหรือซื้อ และส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
จากรายงานข่าวนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทหารเมียนมากำลังสลัดตัวเองจากเงินดอลลาร์ และเงินบาทไทยกำลังจะมีบทบาทสำคัญแทนที่ดอลลาร์
ดังนั้น การที่รัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมาประกาศให้ใช้เงินบาทในการทำธุรกรรมได้ จึงเท่ากับเป็นการลดแรงกดดันต่อผู้นำเข้าสินค้าจากไทย และลดภาระของประชาชนที่ต้องใช้สินค้าจากไทย
ทั้งนี้ ตามรายงานในหนังสือพิมพ์ Myanmar Alin ที่ออกโดยสภาการทหารเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ปริมาณการค้าระหว่างประเทศไทยและเมียนมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 14 กรกฎาคมสูงถึง 530.643 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Photo - Maungthargi