บิล เกตส์ มองแม้ ChatGPT เป็นนวัตกรรมสำคัญที่กำลังเปลี่ยนโลกของเราไปโดยสิ้นเชิง แต่ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์จะตกงาน
บิล เกตส์ ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ และหนึ่งในนักลงทุนในบริษัท OpenAI ผู้พัฒนาแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT ได้กล่าวในตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์พอดแคสต์กับสำนักข่าวธุรกิจของเยอรมัน Handelsblatt กล่าวถึงความสำคัญปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น โดยเจ้าพ่อไมโครซอฟต์มองว่า แม้ขณะนี้จะมีกระแสตื่นตัวเกี่ยวกับ ChatGPT แต่เขาเชื่อว่า ChatGPT ยังไม่มีความเสี่ยงต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในอนาคต
"ChatGPT ในฐานะตัวช่วยที่สามารถเรียบเรียงและให้ข้อมูลต่อมนุษย์โดยละเอียดในเรื่องที่ซับซ้อนแบบเข้าใจง่ายได้ ซึ่งสามารถปูทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคต ในฐานะเครื่องมือค้นหาตลอดจนแอปตัวช่วยภายในสำนักงานตั้งแต่ งานเอกสาร รายงานการประชุม จดหมาย ถึงใบแจ้งนี้ อีกทั้งยังอาจช่วยในชีวิตประจำวัน แต่จนถึงตอนนี้ แม้ปัญญาประดิษฐ์สามารถอ่านและเขียนได้ แต่มันยังไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาที่แท้จริงได้เทียบเท่ามนุษย์"
"ChatGPT แสดงให้เราเห็นว่า AI มีความสามารถอะไรบ้าง และผลกระทบต่อสถานที่ทำงานจะเป็นไปในเชิงบวกอย่างมาก สิ่งเหล่านี้กำลังจะเปลี่ยนโลกของเราไปโดยสิ้นเชิง"
สำหรับ ChatGPT ที่แม้จะเพิ่งเปิดตัวใช้งานเมื่อปลายเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมา แต่ความสามารถอันหลากหลายของมันได้ทำให้มียอดการใช้งานพุ่งสูงขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่นาน ซึ่งจุดนี้ทำให้บริษัทเทคโนโลยีคู่แข่งอย่าง Google ได้เปิดให้ทดสอบเสิร์ชเอ็นจิ้นที่ใช้ AI ของตัวเองชื่อว่าBard เพื่อหวังท้าชน ChatGPT ทว่าเปิดตัวได้เพียงไม่นาน Bard AI ตอบคำถามพลาดจนทำให้หุ้นบริษัทดิ่งนับแสนล้านเหรียญ
เกตส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ AI จะยังคงมีข้อผิดพลาด แต่มันความสามารถของมันก็ทำให้ช่วยรปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของพนักงานในองค์กรได้ โดยเฉพาะงานเอกสาร ซึ่งความสามารถในการเขียนของมัน จะสร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง"
เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ยอมรับเพิ่มเติมว่า ในอดีตเขาเคยมีอคติกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะช่วงทื่เขายังทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับไมโครซอฟต์ แต่ภายหลังเขาจึงได้ลงทุนมูลค่าถึง 10,000 ล้านเหรียญใน OpenAI เพื่อเสริมศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ให้ทันสมัยขึ้น อีกทั้งไมโครซอฟต์ยังมีแผนนำ ChatGPT ไปใช้ในบริการของไมโครซอฟต์ออฟฟิศตั้งแต่ Word, Outlook และ PowerPoint เพื่อช่วยให้การทำงานของเราง่ายขึ้น
บิล เกตส์ ยังคาดว่า ในอนาคตราว 2-3 ปีข้างหน้า ChatGPT อาจมีความสามารถมากขึ้นในฐานะตัวช่วยภายในสำนักงาน ซึ่งอาจรวมไปถึงการให้ AI เข้าร่วมการประชุมของบริษัท ซึ่งสามารถนำเสนอหรือค้นหาข้อมูลในที่ประชุมแบบเรียลไทม์ได้
