ริชาร์ด แคทบิวรี่ ทายาทบริษัทช็อกโกแลต Cadbury ผู้จุดประการเทรนด์การมอบช็อกโกแลตวาเลนไทน์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19
วาเลนไทน์นอกจากเทศกาลแห่งความรัก ซึ่งนอกจากคนจะนึกถึงการมอบดอกกุหลาบให้แก่กันแล้ว 'ช็อกโกแลต' เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ของสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์เช่นกัน แต่รู้หรือไม่ว่า ธรรมเนียมการมอบช็อกโกแลตเป็นของขวัญวาเลนไทน์นั้น มีจุดเริ่มต้นไม่นานมานี้ในช่วงศตวรรษที่ 19 จากชายที่ชื่อ ริชาร์ด แคทบิวรี่ (Richard Cadbury) ผู้เป็นทายาทของโรงงานผลิตขนมหวานชื่อดัง 'Cadbury'
ช็อกโกแลตมีความหมายเหมือนกันกับวันวาเลนไทน์และถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความเสน่หามาช้านาน ประเพณีการให้ช็อกโกแลตเป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์สามารถย้อนไปถึงศตวรรษที่ 19 เมื่อ Richard Cadbury ลูกชายของ John Cadbury ผู้ก่อตั้งบริษัทช็อกโกแลต Cadbury เป็นผู้คิดค้นการทำกล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจสำหรับเทศกาลแห่งความรัก
ในปี 1861 ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจขนมหวานในหลายเจ้า ริชาร์ดได้พยายามหาไอเดียความต่างในผลิตภัณฑ์ของเขาในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ส่วนผสม ช็อกโกแลรูปทรงหรือหลากหลายรสชาติ แต่ก็ยังไม่สามารถช่วงชิงความโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาดได้ กระทั่งเขากลับมาย้อนมองสิ่งที่ห่อหุ้มช็อกโกแลต นั่นคือกล่องแพกเกจจิ้ง
ริชาร์ด แคทบิวรี่ ได้พัฒนาเทคนิคสร้างกล่องผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตที่สามารถนำมาใช้ได้ใหมาหลังจากรับประทานช็อกโกแลตหมดแล้ว โดยกล่องนี้ได้รับการออกแบบเป็นรูปหัวใจในหลากหลายขนาด ซึ่งในช่วงแรกกล่องนี้ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก กระทั่งช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ กล่องรูปหัวใจที่ดูเรียบง่ายและแสนธรรมดานี้ กลับได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงเทศกาลดังกล่าว และได้แทรกซึมทางวัฒนธรรมตะวันตกในฐานะสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความรักในวันวาเลนไทน์เรื่องมา เมื่อกาลเวลาผ่านไป กล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจได้รับการตกแต่งให้มีความซับซ็อนมากขึ้นด้วยการปรับดับลูกไม้และริบบิ้นหลากหลายสีสัน ตลอดจนการทำช็อกโกแลตออกมาเป็นรูปหัวใจ
เสน่ห์ของช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์มีหลายแง่มุม ก่อนอื่น ช็อกโกแลตเป็นของอร่อยที่เป็นที่รักของคนทั่วโลก แต่ไม่ใช่แค่รสชาติเท่านั้นที่ทำให้ช็อกโกแลตน่าดึงดูด ช็อกโกแลตยังเชื่อมโยงกับความรู้สึกแห่งความสุขและความเพลิดเพลิน ทำให้เป็นของขวัญที่สมบูรณ์แบบในการแสดงความรักและความเสน่หา นอกจากนี้ ช็อกโกแลตยังเกี่ยวข้องกับความหรูหราและความผ่อนคลา การให้ช็อกโกแลตเป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์เป็นการแสดงให้ใครบางคนเห็นว่าคุณใส่ใจมากพอที่จะมอบสิ่งพิเศษและตามใจ เป็นท่าทางที่แสดงถึงความรักและความทุ่มเทของคุณต่อบุคคลที่คุณกำลังมอบช็อกโกแลตให้ สัญลักษณ์ของช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์มีรากฐานมาจากประเพณีทางวัฒนธรรม ในหลายวัฒนธรรม ช็อกโกแลตเกี่ยวข้องกับความรักและความหลงใหล ตัวอย่างเช่น ชาวแอซเท็กเชื่อว่าช็อกโกแลตมีคุณสมบัติกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ และใช้เป็นของขวัญเพื่อแสดงความรักและความเสน่หา
ในยุคปัจจุบัน ช็อกโกแลตกลายเป็นส่วนสำคัญของการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ประเพณีการให้ช็อกโกแลตเป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยบริษัทช็อกโกแลตได้นำเสนอรสชาติ รูปร่าง และบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่สำหรับญี่ปุ่นมีประเพณีการมอบช็อกโกแลตวาเลนไทน์ที่ต่างจากที่อื่น เนื่องจากผู้หญิงจะเป็นฝ่ายที่มอบช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์ให้กับผู้ชาย วัฒนธรรมนี้เกิดขึ้นจากการที่ห้างสรรพสินค้าในญี่ปุ่นที่คิดแคมเปญด้านการตลาดในการให้ผู้หญิงซื้อช็อกโกแลตเพื่อมอบต่อฝ่าย เป็นนัยยะถึงการแสดงความรักหรือแอบชอบต่ออีกฝ่าย
แคมเปญด้านการตลาดนี้ ได้ทำให้การมอบช็อกโกแลตในญี่ปุ่นแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ การมอบช็อกโกแลตแบบ "กิริ-ช็อกโก (ช็อกโกแลตตามพันธะสัญญา) ซึ่งเป็นช็อกโกแลตที่มีความหมายว่าเป็นของขวัญขอบคุณทั่วไปสำหรับความช่วยเหลือประจำ สำหรับมอบให้คนรู้จักหรือเพื่อนสนิทเพื่อนร่วมงาน และ "ฮอนเม-ช็อกโก" (ช็อกโกแลตแทนความรู้สึก) ที่ฝ่ายหญิงจะมอบเพื่อเป็นนัยวากำลังแอบรักหรือแอบชอบ
ทั้งนี้ การประดิษฐ์กล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจของ Richard Cadbury เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ของเขาในฐานะผู้ผลิตช็อกโกแลต ความคิดของเขาได้กลายเป็นประเพณีวันวาเลนไทน์อันเป็นที่รักและเป็นสัญลักษณ์ของความรักจนถึงปัจจุบัน