วิถีแห่งเจ้าพ่อ นักการเมืองได้ดีเพราะมาเฟีย ส่วนมาเฟียก็รับใช้นักการเมือง 

วิถีแห่งเจ้าพ่อ นักการเมืองได้ดีเพราะมาเฟีย ส่วนมาเฟียก็รับใช้นักการเมือง 
รายงานพิเศษโดยทีมข่าว The Better เจาะลึกวิธีการที่นักการเมืองในอิตาลีโกยคะแนนเสียงเพื่อเข้าไปในสภา และวิธีการที่พวกมาเฟียใช้นักการเมืองเอื้อประโยชน์ 

นี่คือการตีแผ่เบื้องลึกของการเมืองและวงการเจ้าพ่อมาเฟียของอิตาลี ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองบางคนกับแก๊งอาชญากรรมผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น ถึงขนาดที่คนระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศที่ดำรงตำแหน่งหลายสมัย ยังถูกตั้งข้อหาว่าอาจมีสายสัมพันธ์กับมาเฟียอย่างยาวนาน

พวกนักการเมืองในอิตาลีพึ่งพาพวกมาเฟียอย่างไร? 

สภาผู้แทนราษฎรของอิตาลีมีสมาชิก 630 คนและวุฒิสภามีสมาชิกมากกว่า 315 คน ดังนั้นรัฐสภาอิตาลีจึงมีที่นั่งจำนวนมาก สัดส่วนประมาณ 1 ที่นั่งต่อพลเมือง 64,000 คน นอกจากนี้ยังมีมีพรรคการเมืองจำนวนมากที่แข่งขันกันเพื่อชิงที่นั่งเหล่านี้ ทำให้การตัดคะแนนสูงไปด้วย ซึ่งหมายความว่าผู้สมัครสามารถชนะได้ด้วยคะแนนเสียงเพียง  

ดังนั้น นักการเมืองจะเข้ามาติดต่อกับพวกมาเฟียเพื่อให้ได้คะแนนเสียงระหว่างการเลือกตั้ง เพราะเครือข่ายของมาเฟียมีขนาดใหญ่มาก ครอบคลุมหลายครอบครัว หลายชุมชน และอาจคลุมทั้งจังหวัด 

การสนับสนุนจากกลุ่มมาเฟียจึงสามารถชี้นำความสำเร็จของพวกนักการเมืองได้ เพียงแต่กลุ่มมาเฟียรับรองผู้สมัครบางราย ก็เพียงพอที่จะให้หุ้นส่วนทางธุรกิจ ญาติมิตร และผู้ร่วมงานมาช่วยลงคะแนนให้ผู้สมัครรายนั้นได้ 

มาเฟียที่มีอิทธิพลเป็นพิเศษสามารถดึงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครได้หลายพันคะแนน นี่คือพลังของมาเฟียรายนั้น ซึ่งได้รับความเคารพจากคนในสังคมจนสามารถสั่งการได้ 

เมื่อนักการเมืองได้รับเลือกเข้ามาในสภาหรือมีตำแหน่งแล้ว นักการเมืองมักจะตอบแทนพวกมาเฟียด้วยการให้ความช่วยเหลือบางอย่าง เช่น การบ่อนทำลายการสืบสวนของตำรวจ หรือการให้สัญญาทำธุรกิจและใบอนุญาตในการทำธุรกิจ่างๆ 

หนึ่งในนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับพวกเจ้าพ่อ เป็นถึงนายกรัฐมนตรีซึ่งดำรงตำแหน่งนานถึง 7 สมัย และดำรงตำแนห่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ จูลิโอ อันเดรอ็อตติ (Giulio Andreotti)

นายกฯ อันเดรอ็อตติเกี่ยวข้องกับพวกมาเฟียอย่างเงียบๆ เนียนๆ มานาน จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเจ้าพ่อ เพราะมีมาเฟียกลุ่มหนึ่งเกิดตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองขึ้นมาแทนที่จะวางตัวเงียบๆ แล้วเอื้อประโยชน์กัน 

เมื่อเรื่องเกิดแดงขึ้นมา การดำเนินคดีทางกฎหมายกับอันเดรอ็อตติจึงเกิดขึ้น โดยเริ่มเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2536 ในเมืองปาแลร์โม สื่ออิตาลีประโคมว่าเป็น "การพิจารณาคดีแห่งศตวรรษ"  (il processo del secolo) การฟ้องร้องกล่าวหาอดีตนายกรัฐมนตรีว่า "เอื้อสมาคมมาเฟียชื่อ โคซา โนสตรา (Cosa Nostra) เพื่อปกป้องผลประโยชน์และการบรรลุเป้าหมายทางอาชญากรรม โดยใช้อิทธิพลและอำนาจที่มาจากตำแหน่งของเขาในฐานะผู้นำฝ่ายการเมือง"

อัยการกล่าวว่าเพื่อแลกกับการสนับสนุนการเลือกตั้งของสมาชิกพรรคของอันเดรอ็อตติ ช่วยทำการการลอบสังหารศัตรูของอันเดรอ็อตติ โดยอดีตนายกฯ รายนี้ได้ตกลงที่จะปกป้องมาเฟียในการพิจารณาคดีเพื่อกวาดล้างมาเฟียครั้งใหญ่

สายในกลุ่มมาเฟียรายหนึ่งให้การเป็นพยานว่า อันเดรอ็อตติพบกับ ซัลวาตอเร ริอินา (Salvatore Riina) ผู้นำกลุ่มมาเฟียตระกูลคอร์เลอเนซี (Clan dei Corleonesi หรือ คอร์ลีออเน ชื่อเหมือนตระกูลมาเฟียในนิยายและภาพยนต์ The Godfather) ระหว่างการพบกันของอันเดรอ็อตติกับริอินา ทั้งคู่แลกเปลี่ยน "จูบแห่งเกียรติยศ" (Il bacio d'onore) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการแสดงความเคารพของคนในวงการเจ้าพ่อ

อันเดรอ็อตติปฏิเสธข้อกล่าวหาที่มีต่อเขาว่าเป็น "การโกหกและการใส่ร้าย ... การจูบของ รีอินา นายหัวสูงสุดของมาเฟีย ... มันเป็นฉากในภาพยนตร์สยองขวัญชั้นเลว" 

ทนายของอันเดรอ็อตติพยายามแก้ต่างให้อดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้ บวกกับการที่พยานที่อ้างว่าเห็นอันเดรอ็อตติจูบกับหัวหน้ามาเฟียถูกดิสเครดิตฐานรับเงินพิเศษและยังก่อเหตุฆาตกรรม ในที่สุดอันเดรอ็อตติก็รอดพ้นคดี

นี่คือตัวอย่างของข้อกล่าวหาเรื่องนักการเมืองกับมาเฟียที่สั่นสะเทือนประเทศอิตาลีที่สุด และมันทำให้มีการโละนักการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศ เพื่อขจัดสายสัมพันธ์ระหว่างพวก "ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง" กับพวก "เจ้าพ่อ" ทั้งหลาย 

สำหรับสายที่ให้การกล่าวหานายกฯ อันเดรอ็อตติ เขามีชื่อว่า บัลดัสซาเร ดิ มัจโจ (Baldassare Di Maggio) มาเฟียจากซิซิลี เขายังเผยเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับมาเฟียที่น่าสนใจเอาไว้ด้วย

เขาเผยว่า รีอินา นายหัวของตระกูลคอร์เลออเนซีและผู้นำมาเฟียตัวใหญ่ บอกกับเขามากกว่าหนึ่งครั้งว่า "เป็นไปไม่ได้ที่นักการเมืองในทุกระดับจะกลายเป็นผู้มีเกียรติ (Uomini d'onore หมายถึงมาเฟีย) เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่ผู้มีเกียรติจะเริ่มอาชีพทางการเมือง"

เขายังบอกว่า “เห็นได้ชัดว่าเราลงคะแนนเสียงให้กับนักการเมืองที่เราเลือก และหลังจากทำข้อตกลงกับพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาก็ต้องทำตามที่เราพูด ไม่เช่นนั้น เราก็จะทำลายพวกเขา” 

เขายังกล่าวว่า “พฤติกรรมของนักการเมืองบางครั้งอาจก่อให้เกิด 'ความผิดหวัง' แต่หน้าที่ของพวกเขามีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับ โคซา โนสตรา (วงการมาเฟีย) และด้วยเหตุนี้ จึงมี 'ภาระผูกพัน' สำหรับผู้มีเกียรติ (มาเฟีย) ทุกคนที่จะลงคะแนนเสียงให้พรรคคริสเตียนเดโมแครต (พรรคของนายกฯอันเดรอ็อตติ)"

สิ่งที่เกิดขึ้นในอิตาลี คือ ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เรียกว่า "รัฐมาเฟีย" (Mafia state) ซึ่งเป็นระบบของรัฐที่รัฐบาลเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรในระดับที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำรวจ และ/หรือทหาร กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรม 

ในยุคของอันเดรอ็อตติ อิตาลีกลายเป็นรัฐมาเฟียเต็มตัว และเป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่านักการเมืองใหญ่อยู่ได้เพราะเจ้าพ่อ และเจ้าพ่อก็คือนักการเมืองใหญ่ จึงมีมุกตลกที่เล่ากันว่า 

อันเดรอ็อตติได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสมาชิกพรรคคริสเตียนเดโมแครต ซึ่งขอร้องให้เขาเข้าร่วมงานศพของผู้พิพากษา โจวันนี ฟัลโคเน (Giovanni Falcone) ซึ่งถูกพวกมาเฟียตระกูลคอร์เลออเนลอบสังหาร  

คนจากพรรคบอกกับอันเดรอ็อตติว่า "รัฐจะต้องให้คำตอบกับพวกมาเฟีย แล้วคุณคือหนึ่งในผู้มีอำนาจระดับสูงในนั้น!" 

อันเดรอ็อตติถามกลับแบบงงๆ ว่า "คุณหมายถึงอันไหน"

คำถามว่าอันไหน? หมายความว่าเขาเป็นทั้งผู้มีอำนาจระดับสูงของรัฐบาล และเป็นผู้มีอำนาจระดับสูงของพวกมาเฟียด้วย

Photo by SANJAY KANOJIA / AFP

TAGS: #มาเฟีย #เจ้าพ่อ #ตำรวจ #นักการเมือง