นิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำคัญ ๆ นั้นมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรรวมกันถึง 126,000 ล้านหยวนในปี 2022 (ราว 625,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับปี 2021
เป้าหมายการผลักดันให้เกาะไห่หนาน (ไหหลำ) ก้าวสู่ท่าเรือการค้าเสรีระดับสูงที่ทรงอิทธิพลระดับโลกภายในกลางศตวรรษนี้ (2050) ดูเหมือนเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกขณะ
หลังล่าสุดข้อมูลจากสำนักข่าวซินหัวที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2023 ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการการเติบโตอันก้าวกระโดดขอเกาะแห่งนี้ โดยนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำคัญ ๆ นั้นมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรรวมกันถึง 126,000 ล้านหยวนในปี 2022 (ราว 625,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับปี 2021
ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานรวมในปี 2022 อยู่ที่ 1.82 ล้านล้านหยวน (ราว 9.03 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.6% เมื่อเทียบกับปี 2021
การเติบโตของไห่หนานนั้นมีเป้าหมายก็เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มศักยภาพพื้นที่ในระยะยาวให้กับประเทศโดยรวม ซึ่งสอดคล้องไปกับนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Prosperity) ของท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ได้ประกาศเอาไว้ในปี 2021
โดยในปี 2020 ท่าเรือการค้าเสรีแห่งนี้ทางการของจีนผ่านหน่วยงานที่ชื่อว่าคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ได้มีการอนุมัติเงินทุนจำนวนกว่า 3,500 ล้านหยวน เพื่อใช้สำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาบริการสาธารณะของท่าเรือแห่งนี้
พร้อมกับการมีแผนแม่บทที่ชื่อว่า “แผนแม่บทโครงการเมืองท่าการค้าเสรีไห่หนาน” ที่ประกาศออกมาก่อนการอนุมัติงบลงทุนไม่กี่วัน (ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน 2020) และในปีถัดมา (2021) แผนแม่บทดังกล่าวก็ได้ถูกตราเป็นกฎหมายให้ ‘มณฑลไห่หนาน’ กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตทดลองการค้าเสรีใหม่ของจีนทั้งมณฑลพร้อมีผลบังคับใช้ทันที
การพัฒนาไห่หนานในครั้งนี้ก็ตั้งอยู่บนจุดเด่นของพื้นที่แห่งนี้ซึ่งเป็นเกาะและมีทะเลล้อมรอบทำการสร้างระบบอุตสาหกรรมที่ทันสมัยถูกมุ่งเน้นไปที่กลุ่มการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการบริการที่ทันสมัย และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูง
พร้อมความอิสระในระบบภาษี และนำไปสู่การจัดเก็บอากรที่เป็นศูนย์และอัตราภาษีระดับต่ำต่อไป นอกจากนี้ยังต้องมีปรับปรุงกฎระเบียบในการจัดเก็บภาษีให้ง่ายขึ้นอีกด้วย
โดยสิ่งเหล่านี้ถูกขับดันผ่าน 6 แผนงานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างเชิงระบบ การค้าและการลงทุน การข้ามพรมแดน การไหลเวียนของทุน การเคลื่อนย้ายของบุคคล การขนส่ง และความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการไหลเวียนของข้อมูล
ขณะที่แนวทางในอนาคตทางรัฐบาลกลางของจีนก็ได้วางแนวทางยุทธศาสตร์ให้เกาะแห่งนี้พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร การแพทย์ ด้านไอทีเพิ่มเติม เพื่อบูรณาการกับการบริการในด้านต่าง การค้าระหว่างประเทศ
พรัอมการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและการลงทุนที่ทั้งโดดเด่นและดึงดูดเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเปิดรับแรงงานจากต่างชาติที่มีความสามารถ สามารถเข้าทำงานในหน่วยงานรัฐของจีนได้ พร้อมให้ความสะดวกในการขอวีซ่า
ปี 2019 มีนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสร้างใหม่ 5 แห่งในไห่หนาน บริษัทเทคโนโลยีเข้ามาลงทุน 566 บริษัท เติบโตขึ้นจากปี 2018 ถึง 48.6% มูลค่าเศรษฐกิจของเกาะอยู่ที่ 5.3 ล้านล้านหยวน โดย 5 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2014 การเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 8%
ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนเกาะส่วนอยู่ภาคบริการมากถึง 60% ขณะที่อีก 40% มาจากภาคเกษตรกรรม 20% และภาคอุตสาหกรรมการผลิตอีก 20%
ด้านการเติบโตของการใช้จ่ายบริโภคสำหรับภาคบริการของเกาะไหหลำ ใน 5 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยที่ 5% ต่อปี โดยเฉพาะปี 2019 การเติบโตของรายได้ของสินค้าและบริการปลอดภาษีเติบโตเพิ่มจากปีก่อนถึง 30%
ขณะที่การลงทุนโดยตรงของต่างชาติเพิ่มขึ้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ปี 2019 รับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจากปีก่อน 106% ประเทศที่ลงทุนส่วนใหญ่กว่า 90% อยู่ในเอเชีย ส่วนการลงทุนจากยุโรปและอเมริกามีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แผนการพัฒนามณฑลไห่หนานแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ระยะด้วยกัน
ระยะที่ 1 2020-2024 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกำหนดพื้นที่ควบคุมทางศุลกากร
ระยะที่ 2 2025-2034 เริ่มดำเนินการเปิดการค้าและการลงทุนแบบเสรีทั้งเกาะ
ระยะที่ 3 2035-2049 พัฒนาและปรับปรุงนโยบายให้สอดคล้องไปกับการปฎิบัติและสถานการณ์จริง รวมไปถึงการให้เสรีทางการค้า การลงทุน การเงินระหว่างประเทศและการขนส่งสินค้าอย่างเต็มขั้น
ระยะที่ 4 2050 เป็นต้นไป เกาะไห่หนานจะต้องเป็นเขตการค้าเสรีระดับโลกและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
การพัฒนาไห่หนานถือเป็นจุดเริ่มศักราชใหม่ของการพัฒนาของจีนและชวนให้นึกภาพถึงเมืองเซินเจิ้นในมณฑลกวางตุ้งตลอด 5 ทศวรรษที่ผ่านมาก่อนจะเป็นซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชียในวันนี้
และหากมองไปที่แผนที่เราจะเห็นว่าเกาะไห่หนานนั้นอยู่ใกล้กับเกาะฮ่องกงและมาเก๊า และทั้งสองแห่งนี้ต่างก็มีจุดเด่นกันไปคนละแบบ เมื่อไปฮ่องกงเราอาจจะนึกถึงการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลกฝั่งเอเชีย พร้อมแหล่งช้อปปิ้งมากมายและอาหารที่อร่อย ขณะที่มาเก๊าภาพจะเป็นแหล่งศูนย์กลางความบันเทิงครบวงจร
ตรงนี้เมื่อบวกเข้ากับเกาะไห่หนานที่กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการบริการขั้นสูงและการท่องเที่ยงยุคใหม่ ตรงนี้ทำให้ทั้งสามเกาะจะส่วนเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกันให้ก้าวไปสู่การเป็นเมืองที่มีศักยภาพขั้นสูงในทุกมิติ
และการพัฒนาแบบนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นแนวทางการพัฒนาของจีนยุคใหม่ที่จะเน้นการพัฒนาเมืองแบบเป็นกลุ่ม ๆ ที่ไม่ได้มุ้งเน้นอยู่ที่เพียงแค่เมืองศูนย์กลางเท่านั้น แต่ยังกระจายความเจริญไปสู่เมืองรอบข้างเมืองศูนย์กลางอีกด้วย
เรื่อง : เอกพล มงคลพัฒนกุล