รัสเซียต้องชดใช้เท่าไหร่ หากสุดท้ายแพ้สงครามยูเครน เปิดแผน'New Marshall Plan' เมื่อชาติตะวันเตรียมคิดบัญชีเรียกค่าเสียหายรัสเซียเพื่อฟื้นฟูยูเครน
วันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้จะครบรอบ 1 ปีที่สถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ปะทุขึ้นเป็นสงครามยืดเยื้อจนครบปี ปัจจุบันสถานการณ์การสู้รบในยูเครนยังคงดำเนินไป ท่ามกลางความช่วยเหลือจากนานาชาติ ถึงตอนนี้ผลกระทบของสงครามยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านมนุษยธรรม
ก่อนหน้าที่จะครบหนึ่งปีของความขัดแย้ง ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีได้เดินทางไปเยือนชาติมหาอำนาจสำคัญหลายแห่ง ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา จนถึงล่าสุดที่ผู้นำยูเครนเดินทางไปสหราชอาณาจักร เข้าพบบุคคลสำคัญตั้งแต่ระดับพระประมุข กษัตริย์ชาลส์ที่ 3 จนถึง นายกรัฐมนตรีริชี ซูนัก ก่อนจะข้ามช่องแคมมาเยือนฝรั่งเศส เข้าพบประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาตรง เพื่อหารือพร้อมขอให้พันธมิตรตะวันตกระดมความช่วยเหลือยูเครนให้มากขึ้น
เป็นเวลากว่า 11 เดือนหลังจากที่ปูตินสั่งรุกรานยูเครน และยังไม่มีวี่แววว่าความขัดแย้งจะยุติลง ตลอดเหตุการณ์กว่า 11 เดือนที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้พูดถึงการสนับสนุนจากต่างชาติทั้งในแง่อาวุธยุทโธปกรณ์ จนถึงการสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อฟื้นฟูประเทศในหลากหลายรูปแบบ
หลายครั้งที่ผู้นำยูเครนมักพูดถึงแผนการฟื้นฟูเมืองที่มีมูลค่าสูงที่ผู้นำยูเครนมองว่า "จะเป็นโครงการฟิ้นฟูเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในยุคของเรา" ซึ่งอาจใช้เงินหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับยูเครน คำตอบนั้นชัดเจนว่า ท้ายที่สุด รัสเซียต้องชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อชดเชยความยุติธรรมที่ยูเครนต้องได้รับ “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรัสเซียที่จ่ายเงิน” มาร์กียาน คลิชคอฟสกี้ ทนายความและสมาชิกคณะทำงานของรัฐบาลยูเครนเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหายอธิบาย “หากรัสเซียไม่ต้องการปฏิบัติตามข้อผูกพันในการชดใช้ความเสียหายและความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น เราและโลกศิวิไลซ์จำเป็นต้องหาทางให้รัสเซียชดใช้”
ก่อนหน้านี้ในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ บรรดาผู้แทนยูเครนตลอดจนนักการทูตหลายชาติ เรียกร้องให้สหประชาชาติลงมติเรียกร้องค่าชดใช้ด้านมนุษยธรรมจากรัสเซีย แต่ท้ายที่สุดมติดังกล่าวก็ถูกยับยั้งโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่นำโดยจีนและรัสเซีย ขัดขวางแนวทางของรัฐบาลเคียฟที่เสนอให้นำทรัพย์สินของรัฐบาลรัสเซียมูลค่าหลายพันล้านเหรียญในต่างแดน เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูยูเครน
ในเมื่อแนวทางการนำเงินของรัสเซียที่อยู่ในต่างแดนมาใช้ฟื้นฟูไม่สำเร็จ จึงได้มีบางคนในฝ่ายตะวันตกพูดถึงแผนการมาร์แชล (Marshall Plan) ซึ่งเคยเป็นแผนฟื้นฟูยุโรปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาใช้ในการฟื้นฟูยูเครน ซึ่งแผนดังกล่าวไม่เพียงแค่ฟื้นฟูตัวเมืองยูเครนจากความเสียหายในการสู้รบเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นหนึ่งในการปูทางที่ช่วยให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยให้ยูเครนได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและอีกหลาย ๆ อย่างจากสหภาพยุโรป
ราคาที่รัสเซียต้องจ่าย
Jakob Kirkegaard หนึ่งในผู้เขียน รายงาน Marshall Fund : Designing Ukraine's Recovery In The Spirit of the Marshall Plan อธิบายว่า ถึงแพ็กเกจความช่วยเหลือดังกล่าวสามารถให้ยูเครนได้รับเทคโนโลยีตะวันตกที่จำเป็นมาก และขับเคลื่อนไปข้างหน้าไป โดยอ้างอิงแนวทางสมัยยุคสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
"โครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและการขนส่งที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะ 'สร้างขึ้นใหม่ให้ดีขึ้น' โดยคำนึงถึงมาตรฐานของสหภาพยุโรปและละทิ้งการออกแบบของสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นตัวแทนของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนให้ทันสมัย ซึ่งจะทำให้สามารถแข่งขันภายในสหภาพยุโรปได้ในที่สุด"
แม้จะเป็นโมเดลแผนที่น่าสนใจ แต่มันก็ยังห่างไกลความจริงที่ว่ายูเครนจะหาเงินจากไหนมาฟื้นเมือง ตามการประเมินของ IMF เคยกล่าวว่า ยูเครนอาจต้องการเงินไม่น้อยกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอย่างน้อย หรืออาจจะถึงขั้น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ในการฟื้นฟูโครงสร้างทั้งประเทศ นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
นี่ยังไม่ได้พูดถึงค่าเสียหายด้านมนุษยธรรมที่มาจากการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งรัสเซียถูกกล่าวหาว่า ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครนไม่น้อยกว่า 40,000 ขณะนับตั้งแต่สงครามปะทุ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GPD) ของยูเครนลดลงในปีนี้มากถึง 32% ซึ่งมากกว่าตัวเลขของสหรัฐในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในทศวรรษที่ 1930
- โครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ ตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีทางทหารของรัสเซีย เมืองต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมารีอูปอล ได้กลายเป็นซากปรักหักพัง ตามการประเมินของนายกรัฐมนตรียูเครน Denys Shmyhal กล่าวเมื่อวันที่ 5 กันยายนว่าการรุกรานของรัสเซียสร้างความเสียหายอย่างน้อย 326 พันล้านเหรียญ จำนวนนี้ราว 105 พันล้านเหรียญเป็นเงินที่ต้องใช้เพื่อการสร้างสาธาณูปโภคขึ้นมาใหม่
- ตัวเลข 105 พันล้านดอลลาร์นั้นต่ำกว่าประมาณการอีกครั้งในเดือนนั้นเล็กน้อย นักวิจัยจาก Kyiv School of Economics ซึ่งทำงานร่วมกับกระทรวงต่างๆ ของยูเครนเพื่อรวบรวมข้อมูล กล่าวว่า ความเสียหายกว่า 127,000 ล้านดอลลาร์ได้รับการบันทึกไว้ในอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยและที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวกลับผิดไปจากการประเมินของประธานาธิบดีเซเลนสกี ซึ่งกล่าวเมื่อวันที่ 6 กันยายนว่า "ยูเครนต้องใช้เงิน มากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญในการสร้างยูเครนขึ้นใหม่ โดยประกาศว่าจะเป็นโครงการเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในยุคของเรา" ซึ่งตัวเลขที่ผู้นำยูเครนประเมินสูงขึ้นเนื่องจาก ได้รวมการปรับปรุงยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อสอดคล้องกับมาตรฐานของสหภาพยุโรป
รีดค่าปฏิกรรมสงครามรัสเซีย
การจ่ายเงินชดใช้หลังสงคราม หรือที่เรียกว่าปฏิกรรมสงคราม เป็นสิ่งที่พบเห็นมาอย่างต่อเนื่องในประวัติศาสตร์มนุษย์ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 การที่ประเทศหนึ่งต้องชดใช้ค่าเสียหายฐานรุกรานอีกชาติหนึ่งเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน เยอรมนีซึ่งเผชิญกับค่าปฏิกรรมที่สูงลิ่วหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเยอรมนีเพิ่งชำระในส่วนของสงครามโลกครั้งที่ 1 ชดเชยทั้งหมดเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา ส่วนค่าปฏิกรรมจากสงครามโลกครั้งที่สอง ผลพวงจากยุคฮิตเลอร์ที่เคยกระทำต่อโปแลนด์ จนถึงตอนนี้เยอรมนีก็ยังชดใช้ไม่หมด
กรณีของยูเครน ลอรี แบลงค์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากวิทยาลัยเอมอรี่ และผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ ให้ความเห็นว่า ราคาของค่าปฎิกรรมสงครามไม่อาจตีประเมินได้อย่างชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับการเจรจาของหลายฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากความเสียหาย ถึงอย่างไรก็ ไม่ช้าก็เร็ว ชัดเจนว่ารัสเซียก็ต้องเป็นผู้จ่ายเงินชดใช้ โดยแบลงค์ ระบุแนวทาง 2-3 ทางเลือกที่จะให้รัสเซียจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามแก่ยูเครน รวมถึงการรวมเข้าด้วยกันในข้อตกลงสันติภาพหรือข้อตกลงใดๆ ระหว่างเคียฟและมอสโก ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะคิดไม่ถึงในตอนนี้ เนื่องจากการยุติความขัดแย้งดูเหมือนจะยังห่างไกล
ในแนวทางของแบลงค์ระบุว่า ให้ชาติตะวันตกนำทรัพย์สินจากทั้งรัฐบาลรัสเซีย ตลอดจนมหาเศรษฐีรัสเซียที่ถูกอายัดในต่างแดนมาฟื้นฟูยูเครน โดยเฉพาะเงินจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางรัสเซียที่แช่แข็งทั่วโลกเป็นตัวต่อรองบีบบังคับให้รัสเซียต้องจ่าย อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อจำกัดทางการกฎหมายระหว่างประเทศ บางประการที่ชาติตะวันตกไม่อาจสามารถบีบเอาเงินจากส่วนนี้มาใช้ฟื้นฟูยูเครนได้ ถึงกระนั้นจากคำพูดของ เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอน ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปที่เคยกล่าวว่า "ไม่ว่าจะทำอย่างไร เรามีวิธีที่จะให้รัสเซียต้องจ่าย(ชดใช้)ยูเครน"
- แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนว่ารัสเซียจะจ่ายเงินอย่างไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าภารกิจในการสร้างยูเครนขึ้นมาใหม่จำเป็นต้องใช้เงินอีกมาก ในการประชุมเกี่ยวกับการฟื้นฟูยูเครนที่นำโดยผู้อำนวยการ IMF เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ประเมินว่าตัวเลขของการฟื้นยูเครนจะสูงจนน่าตกใจ เมื่อผนวกกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ
- “นอกเหนือจากความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ธนาคารโลก ได้ประเมินความต้องการในการฟื้นฟูทั้งหมดไว้ที่ 349,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวเลขที่น่าทึ่งจริงๆ มันเกินกว่าจีดีพีในแต่ละปีของยูเครนซึ่งอยู่ที่ราว 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนการรุกรานของรัสเซียซะอีก” โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ผู้ซึ่งขนานนามแนวทางฟื้นยูเครนว่า "แผนการมาร์แชลใหม่" ได้กล่าวกับที่ประชุมว่าการสร้างยูเครนขึ้นใหม่จะเป็นงานหนักของกลุ่มชั่วอายุคนที่ต้องเริ่มในทันที
ในเดือนมิถุนายน ในการประชุมระหว่างประเทศที่เมืองลูกาโน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยูเครนได้นำเสนอ โครงการฟื้นฟูประเทศของตนเองซึ่งกำหนดแผนและลำดับเวลาสำหรับการฟื้นฟูประเทศทั้งหมด โดยให้ชาติสมาชิก G7 เป็นแกนนำหลักโดยมี สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ถือหางเสือในการกำหนดทิศทางและแผน ซึ่งนอกจากความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ แล้ว ยังรวมถึงการสนับสนุนเงินทุนแบบให้เปล่า หรือเงินกู้ระยะยาวที่ไม่กำหนดดอกเบี้ยและการสิ้นสุดวันชำระคืน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าท้ายที่สุด สงครามรัสเซียยูเครนอาจสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อการกร่อนอำนาจของปูตินจากภายใน และเมื่อถึงเวลานั้น ยูเครนจะเหมือนนกฟีนิกซ์ที่จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วต่อเนื่องในหลายปี