พันธมิตรพังเพราะข้าว? อาหารเป็นเหตุโปแลนด์โกรธยูเครนจนไม่ส่งอาวุธให้

พันธมิตรพังเพราะข้าว? อาหารเป็นเหตุโปแลนด์โกรธยูเครนจนไม่ส่งอาวุธให้
ข้าวสาลีและผลิตภัณฑ์เกษตรคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงยูเครนเอาไว้ แต่ถ้าขายไม่ได้ มันจะกลายเป็นระเบิดเวลาได้เหมือนกัน 

ยุโรปกำลังสั่นสะเทือนอย่างหนัก เมื่อจู่ๆ พันธมิตรที่เคยเข้าขากันดี คือ โปแลนด์กับยูเครนตอนนี้ทะเลาะกันหนักซะแล้ว ถึงขนาดที่โปแลนด์ไม่ยอมส่งอาวุธช่วย และผู้นำโปแลนด์เตือนผู้นำยูเครนว่า "อย่าดูถูกโปแลนด์อีก" 

เรื่องมันเกิดขึ้นจากอะไร และจะลงเอยอย่างไร นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น 

1. เพื่อตอบสนองต่อการเสริมทัพทางทหารของรัสเซียใกล้ยูเครน เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565 หรือก่อการรุกรานยูเครนไม่ถึงเดือน โปแลนด์ได้ประกาศการตัดสินใจจัดหาอาวุธ กระสุนปืน และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน เมื่อได้รับภัยคุกคามจากรัสเซียรุกรานยูเครน 

2. ต่อมาในช่วงสงครามในปี พ.ศ. 2565 โปแลนด์กลายเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่อันดับสองให้กับยูเครน โดยมีมูลค่ารวมของอาวุธเกินกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2565) อาวุธที่ให้ได้แก่ ขีปนาวุธ เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนไรเฟิล โดรน รถถัง เกม RPG และกระสุน การสนับสนุนของโปแลนด์ต่อยูเครนอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2565 ได้นำไปสู่การปรับปรุงความสัมพันธ์โปแลนด์-ยูเครนอย่างมีนัยสำคัญ

3. โปแลนด์จึงเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของยูเครนโดยคอยจัดหาอาวุธให้ แต่ยูเครนมีปัญหาที่โปแลนด์ช่วยเหลือไม่ได้ นั่นคือ ยูเครนเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นที่รู้จักในชื่ออู่อู่ข้าวอู่น้ำของยุโรป โดยเป็นผู้ผลิตมันฝรั่งรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่อันดับ 8 ของโลก ซึ่งมันฝรั่งและช้าวสาลีคืออาหารหลักของชาวยุโป 

4. แต่การรุกรานยูเครนของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ส่งผลให้ต้องระงับการขนส่งธัญพืชทางทะเลจากยูเครนโดยสิ้นเชิง แต่หลังจากนั้นยูเครน รัสเซีย และตุรกี ซึ่งเป็นผู้ควบคุมทะเลดำอันเป็นเส้นทางส่งธัญพืชของยูเครนตกลงกันว่าจะผ่อนปรนเรื่องนี้ เพราะการหยุดส่งอาหารของยูเครนและรัสเซียส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์อาหารโลก นำไปสู่การริเริ่มธัญพืชแห่งทะเลดำ (Black Sea Grain Initiative) เพื่อหาทางออก

5. แต่รัสเซียระงับความร่วมมือหลายครั้ง เพราะอ้างว่ายูเครนโจมตีท่าเรือที่ฝ่ายตนควบคุมอยู่ แม้จะมีการส่งอาหารจากยูเครนออกมา แต่ก็ทำได้จำกัด ภายในวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ไม่มีการบรรลุข้อตกลงใหม่ในการต่ออายุข้อตกลง ทำให้ข้อตกลงหมดอายุ และนั่นทำให้ยูเครนส่งออกอาหารผ่านทะเลดำไม่ได้ ทำให้ยูเครนต้องร้อนรนอย่างมาก ทางเดียวคือส่งอาหารผ่านทางบกผ่านไปทางโปแลนด์ 

6. แต่โปแลนด์ขยายเวลาห้ามนำเข้าธัญพืชของยูเครนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการตัดสินใจแค่ฝ่ายเดียวซึ่งฝ่าฝืนคำตัดสินของสหภาพยุโรปที่โปแลนด์เป็นสมาชิก เพราะการไหลทะลักขเามาของ 'ข้าว' จากยูเครนจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรโปแลนด์ที่จะขายสินค้าตัวเองไม่ได้ อันที่จริงแล้ว ยังมีสโลวาเกีย และฮังการี ที่กำหนดข้อจำกัดการนำเข้าธัญพืชของยูเครน เช่นเดียวกับสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ บัลแกเรีย และโรมาเนีย

7. เมื่อยูเครนขายของไม่ได้ ก็ไม่มีรายได้เข้าประเทศ ผลก็คือ วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย (Volodymyr Zelenskyy) ประธานาธิบดีของยูเครน ต้องร้อนอย่างหนัก ถึงขนาดที่เขากล่าวกับสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่า “เป็นเรื่องน่าตกใจที่เห็นว่าบางคนในยุโรป เพื่อนของเราบางคนในยุโรป แสดงความสามัคคีในเวทีการเมือง สร้างเรื่องระทึกขวัญจากะธัญพืช” 

8. คำกล่าวของผู้นำยูเครนไม่ได้เอ่ยถึงใครเป็นพิเศษ แต่โปแลนด์ร้อนตัวก่อนใคร มาแตอุช มอราวีแยตสกี (Mateusz Morawiecki) นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ตอบกลับบนโซเชียลมีเดียในวันรุ่งขึ้นโดยกล่าวว่า “เราจะไม่ถ่ายโอนถ่ายอาวุธไปยังยูเครนอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้เรากำลังติดอาวุธให้กับโปแลนด์” และต่อมาเขาพูดว่า “ผมต้องการบอกประธานาธิบดีแซแลนสกึย ว่าอย่าดูถูกชาวโปแลนด์อีก” และจากการรายงานของ CNN เขากล่าวว่า "ชาวโปแลนด์จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น และการปกป้องชื่อเสียงที่ดีของโปแลนด์ไม่ใช่แค่หน้าที่และเกียรติยศของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นงานที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลโปแลนด์ด้วย"

9. แต่ยูเครนก็ไม่ยอมง่ายๆ เหมือนกัน ผู้แทนการค้าของยูเครนกล่าวกับสื่อ POLITICO ในการสัมภาษณ์พิเศษว่า ยูเครนจะฟ้องโปแลนด์ ฮังการี และสโลวาเกีย ผ่านทางองค์การกาารค้าโลก (WTO) ฐานที่ปฏิเสธที่จะยกเลิกการห้ามสินค้าเกษตรของยูเครน โดยผู้แทนการค้าของยูเครนถึงกับกล่าวว่าฮังการีไม่เห็นหัวสหภาพยุโรปเลยด้วยซ้ำ 

10. ท่าทีของประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกที่เปลี่ยนไปน่าจับตาอย่างมาก เพราะอาจแสดงถึงความแตกแยกของพันธมัตรต้านรัสเซียที่อาจกลายเป็นฝ่ายประนีประนอมกับรัสเซียเสียเอง อย่างเช่น รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี ปีเตอร์ ซียาร์โต ( Peter Szijjarto) ถึงขนาดกล่าวว่าการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ไม่จำเป็น เพราะการทำแบบนั้น “สร้างความเสียหายต่อยุโรปมากกว่ารัสเซีย”

รัสเซียไม่รีรอที่จะใส่ไฟให้ลุกโชนขึ้น จากการรายงานของ RT เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า ผลิตผลทางการเกษตรของยูเครน “ถูกจัดส่งไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปอย่างเหลือเฟือ” แต่หลายคนไม่ต้องการซื้อ เพราะ “พวกเขามีเกษตรกรเป็นของตัวเอง และไม่อยากให้พวกเขาต้องพังทลายลงเนื่องจากการแข่งขัน ”

ลาฟรอฟยังยั่วต่อไปว่า “ก็ในเมื่อคณะกรรมาธิการยุโรปยอมสูญเสียเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ไปกับยูเครน... ก็ควรซื้อธัญพืชที่ยูเครนต้องการขายและประเทศในสหภาพยุโรปไม่ต้องการ [ซื้อ] ด้วยเหตุผลด้านความสามารถในการแข่งขัน และส่งไปยังแอฟริกาได้” 
 
Photo - President Of Ukraine (CC0) ภาพ มาแตอุช มอราวีแยตสกี (Mateusz Morawiecki) นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ กับประธานาธิบดียูเครน วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย (Volodymyr Zelenskyy) ระหว่างการประชุมที่กรุงเคียฟ 24 กุมภาพันธ์ 2566

TAGS: #ยูเครน #โปแลนด์ #ข้าว #ข้าวสาลี