เอเชียด่านแตก สกุลเงินสุดท้ายที่ยืนหยัดสู้ดอลลาร์แข็งในที่สุดก็ไม่ไหว
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เงินบาทของไทยอ่อนค่าร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อวันจันทร์ โดยอ่อนค่าลงสูงสุด 1.4% อยู่ที่ 36.875 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 Reuters ชี้ว่าเงินบาทได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลทางการคลังที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการใช้นโยยายแจกเงินของรัฐบาล
ต้องจับตานโยบายแจกเงินของรัฐบาล ซึ่งนักวิเคราะห์บอกกับสื่อต่างประเทศว่ายังไม่มีความชัดเจน ถ้าแนวโน้มยังเป็นแบบนี้ ปัจจัยนี้อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงไปอีก แทนที่จะต้องแบกรับสถานการณ์อื่นๆ ที่ทำให้เงินบาทแย่ลงอยู่ก่อนแล้ว
เงินบาทเป็นสกุลเงินที่เคยแข็งค่าที่สุดในเอเชียเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์ตรงกันข้าม เพราะการแข็งค่าต่อเนื่องของเงินดอลลาร์สหรัฐ และการแข็งค่าดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในระดับที่สูงมาก และส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเรื่อยๆ ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงทำให้เงินบาทอ่อนค่าแบบถอนตัวไม่ขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้สกุลเงินเกือบทั้งหมดในเอเชียอ่อนค่ากันไปหมด
ยกเว้นแต่เงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียที่ก่อนหน้านี้ยังคงแข็งค่าอยู่ได้โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้เงินรูเปียห์แข็งค่าถึง 6% แต่ในที่สุดรูเปียห์ก็ต้านทานพลังของดอลลาร์ไหม่ไหว ล่าสุด เมื่อวันอังคารอ่อนค่าลงมา 0.4% ต่อเงินดอลลาร์ จากการรายงานของ Bloomberg และยังรายด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้รูเปียห์อ่อนค่าในที่สุด ก็เพราะดอกเบี้ยของสหรัฐที่สูงขึ้น ทำให้เงินไหลออกไปที่การลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีผลตอบแทนดีกว่า และเงินดอลลาร์ที่มีมูลค่ามากกว่า
Bloomberg ชี้ว่า "แม้ว่ารูเปียห์จะลดลงเมื่อวันอังคาร แต่ก็ยังยังคงเป็นสกุลเงินที่มีผลงานดีที่สุดของเอเชียในปีนี้ ในทางตรงกันข้าม ริงกิตมาเลเซียและเงินบาทของไทยกลับแย่กว่ามากและเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีผลงานแย่ที่สุดในเอเชีย"
เช่นเดียวกับ Reuters ที่ระบุว่า "เงินบาทสูญเสียมูลค่าไปมากกว่า 6.0% ในปีนี้ และเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในภูมิภาค"
Photo by Jack TAYLOR / AFP