ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประธานสภาคองเกรสถูกถดถอนจากตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หรือวันที่ 4 ตุลาคมตามเวลาประเทศไทย สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาถอดเควิน แม็กคาร์ธี (Kevin McCarthy) ออกจากตำแหน่งประธานสภาด้วยญัตติไม่ไว้วางใจ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ที่ประธานสภาถูกถอดออกระหว่างวาระการดำรงตำแหน่ง
กรณีนี้ทำให้การดำรงตำแหน่งของแม็กคาร์ธีสั้นที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ประธานสภาของสหรัฐอเมริกา และทำให้เขาเป็นประธานสภาคนแรกที่ถูกถอดออกจากบทบาทในช่วงที่สภายังปฏิบัติหน้าที่อยู่
เควิน แม็กคาร์ธี สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากพรรครีพับลิกันประจำแคลิฟอร์เนีย ได้รับการเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566 หลังจากการเลือกตั้งกลางภาคปี 2565 ส่งผลให้เสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาเป็นของพรรคเดโมแครตและเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเป็นของพรรครีพับลิกัน โดยที่กลุ่มการเมืองที่ทรงอิทธิพลของพรรครีพับลิกัน คือ Freedom Caucus ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดในรัฐสภา ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่ง
ปัญหามันเกิดขึ้นเมื่อ รัฐบาลไบเดนข้อเสนองบประมาณในเดือนมีนาคม 2566 แต่สหรัฐฯ เผชิญกับการก่อหนี้ครั้งใหญ่ จนกระทั่งการก่อหนี้ของรัฐบาลมาชนเพดานที่กำหนดเอาไว้ ทำให้สภาคองเกรสตกลงกันไม่ได้ว่าจะยอมให้เพิ่มเพดานหนี้หรือไม่ ซึ่งกลุ่ม Freedom Caucus ซึ่งเป็นฝ่ายขวาที่มีความเคร่งครัดในเรื่องการเงินการคลัง ไม่ยอมให้ผ่าน ทำให้เกิดวิกฤตเพดานหนี้ (debt-ceiling crisis) เมื่อสภาผู้แทนราษฎรและทำเนียบขาวเห็นต่างกันว่าจะแก้ไขวิกฤตินี้อย่างไรและทำให้ผ่านบัญญัติเรื่องเพดานหนี้และงบประมาณไม่ได้
Freedom Caucus คือใคร? คือกลุ่มพรรคการเมืองอยู่ในตำแหน่งฝ่ายขวาถึงขวาสุด มีสมาชิกบางคนที่ถือความเชื่อประชานิยมฝ่ายขวา
- การต่อต้านการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
- สนับสนุนลัทธิอนุรักษ์นิยมทางสังคมและรัฐบาลขนาดเล็ก
- กลุ่มนี้พยายามยกเลิกกฎหมายสวัสดิการสุภาพที่เข้าถึงถ้วนหน้าหลายครั้ง
- นิยมตัดงบประมาณและกระจายอำนาจ
- นิยม โดนัลด์ ทรัมป์
ประธานสภาผู้แทนราษฎร เควิน แม็กคาร์ธี เรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางเพื่อแลกกับการเพิ่มเพดานหนี้ รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะตัดงบประมาณสวัสดิการต่างๆ เช่น โครงการ Medicare, Medicaid และ Social Security หรืออาจยกเครื่องสิทธิ์อื่นๆ ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลไบเดนไม่ยอมอ่อนข้อให้ โดยได้ประกาศว่าการเพิ่มเพดานหนี้นั้นไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ และรัฐสภามีหน้าที่ต้องเพิ่มเพดานหนี้ด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากพรรคเดโมแครตสนับสนุนนโยบายสวัสดิการและการใช้จ่ายของรัฐ ในขณะที่รีพับลิกันสนับสนุนนโยบายการเงินที่เคร่งครัดและลดการใช้จ่ายของรัฐ ท่าทีที่ตรงกันข้ามขนาดนี้ ทำให้การต่อรองไม่ลุล่วงเสียที และทำให้ไม่สามารถผ่านงบประมาณได้ เมื่อไม่มีงบประมาณก็เสี่ยงที่จะมีการปิดการดำเนินการของรัฐบาล (government shutdown) หรือทำให้หน่วยงานของรัฐต้องหยุดให้บริการ เพราะไม่มีงบประมาณ
จนกระทั่ง ในเดือนพฤษภาคม ปี 2023 แม็กคาร์ธี ได้เจรจากับประธานาธิบดี โจ ไบเดน เกี่ยวกับข้อตกลงเพื่อแก้ไขวิกฤตเพดานหนี้และการผิดนัดชำระหนี้ที่ใกล้จะเกิดขึ้น แต่พรรครีพับลิกัน นำโดยแมตต์ เกตซ์ แห่งกลุ่ม Freedom Caucus ไม่พอใจ และขัดขวาง ทำให้แม็กคาร์ธีต้องตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างยอมตกลงกับพรรคเดโมแครต เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ หรือว่าจะยอมตามคนในพรรครีพับลิกันของเขา แต่จะทำให้สหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ ไม่มีงบประมาณจ่าย และเสียเครดิตมหาศาล
สถานการณ์ลากยาวมาจนในเดือนกันยายน รัฐบาลกลางสหรัฐฯ พร้อมที่จะถูกปิดได้ทุกเมื่อเพราะไม่มีเงิน หลังจากที่ผู้แทนไม่สามารถลงคะแนนเสียงในร่างกฎหมายจัดสรรชุดหนึ่งได้ Freedom Caucus ขู่ว่าจะปลดแม็กคาร์ธีหากเขาหันไปหาพรรคเดโมแครตเพื่อรวบรวมคะแนนเสียงเพิ่ม เพื่อผ่าทางตันวิกฤตเพดานหนี้และงบประมาณ
เมื่อวันที่ 29 กันยายน Politico รายงานว่า แมตต์ เกตซ์ แห่งกลุ่ม Freedom Caucus ติดต่อกับกลุ่มการเมืองอื่นๆ เพื่อหาทางถอดแม็กคาร์ธีออก วันต่อมา หลายชั่วโมงก่อนที่จะถึงเส้นตายที่หน่วยงานรัฐบาลจะต้องปิดตัวลงเพระไม่มีงบประมาณ ในที่สุดสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านมติของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ทุนแก่รัฐบาลจนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน มติดังกล่าวผ่านการพิจารณาในวุฒิสภาและลงนามโดยประธานาธิบดีไบเดน เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดตัวของรัฐบาล
แต่พรรครีพับลิกันเชื่อว่าการผ่าทางตันแบบฉิวเฉียดนี้ เป็นผลมาจากการประนีประนอมของประธานสภาฯ คือ แม็กคาร์ธี นั่นเอง การทำแบบนี้ทำให้พรรคเดียวกันโกรธเคือง แมตต์ เกตซ์ ซึ่งเป็นผู้นำการต่อต้านแม็กคาร์ธี ประกาศในการให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่าเขาจะถอดถอนแม็กคาร์ธี เนื่องจากแม็กคาร์ธีรวมหัวกับพรรคเดโมแครต
วันที่ 2 ตุลาคม แมตต์ เกตซ์ ได้ยื่นคำร้องถอดถอน โดยผลักดันให้มีการลงคะแนนเสียงให้ถอดถอนแม็กคาร์ธีภายในเวลาทำการของสภาเป็นเวลาสองวัน การลงคะแนนเสียงเริ่มขึ้นในวันรุ่งขึ้น แม็กคาร์ธีปฏิเสธว่าไม่ได้ทำข้อตกลงรับการสนับสนุนจากพรรคเดโมแครตเพื่อแลกกับการผ่านทางตันเรื่องเพดานหนี้และงบประมาณ
ในที่สุด สภาผู้แทนราษฎรก็ดำเนินการลงคะแนนเสียงถอดถอนประธานสภา ผลคือมีมติให้ถอดถอนด้วยคะแนนเสียง 216–210 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรัฐสภาที่เก้าอี้ว่างลง
แต่ในพรรครีพับลิกกันเองก็ไม่พอใจกับการทำเช่นนี้ รีพับลิกันหลายคนประณามการถอดถอนแม็กคาร์ธี อดีตรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ กล่าวว่า "ความโกลาหลไม่เคยเป็นจุดแข็งของอเมริกา และไม่เคยเป็นมิตรกับของครอบครัวชาวอเมริกันที่ต้องอยู่อย่างดิ้นรน" อดีตโฆษกของสภานิวท์ กิงริชกล่าวว่า แมตต์ เกตซ์ "กำลังทำลายล้างขบวนการอนุรักษ์นิยมอย่างแข็งขัน" กิงริช ยังกล่าวอีกว่าสภาผู้แทนราษฎรควรขับไล่ แมตต์ เกตซ์