จาก Standard Oil สู่ Esso บริษัทที่กำเนิดจากกฏหมายทลายทุนผูกขาดน้ำมัน

จาก Standard Oil สู่ Esso บริษัทที่กำเนิดจากกฏหมายทลายทุนผูกขาดน้ำมัน
ย้อนประวัติ Esso มรดกทุนผูกขาด Standard Oil ของเจ้าพ่อน้ำมัน จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์

นับว่าเป็นหนึ่งในบิ๊กดีลที่น่าจับตามองตั้งแต่ต้นปี 2023 จากกรณีที่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ที่ประชุมบอร์ดเห็นชอบการเข้าซื้อหุ้นและหลักทรัทพ์ทั้งหมดของ บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) โดยการซื้อหุ้นสามัญจำนวน 65.00% ของกิจการเอสโซ่ (ประเทศไทย) จากบริษัท ExxonMobil Asia Holdings 

เอสโซ่ เข้ามาทำธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1965 หรือพ.ศ.2508 โดยเป็นหนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบริษัทน้ำมัน  ExxonMobil สัญชาติสหรัฐฯ แต่ทราบหรือไม่ว่าบริษัท ExxonMobil เกิดขึ้นจากจากการถูก 'บีบ' โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่ากฎหมายทลายกลุ่มทุนผูกขาดน้ำมัน ซึ่งในเวลานั้นมีมหาเศรษฐีชื่อก้องโลกอย่าง จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์ เป็นเจ้าของ

ย้อนไปช่วงปี 1870 หรือตรงกับ พ.ศ.2413 ร่วมสมัยกับรัชกาลที่ 5 ของไทย โดย จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์ พร้อมกับนักลงทุนอีกหลายคนรวมถึง ซามูเอล แอนดรูว์ส ได้ก่อตั้งบริษัทน้ำมันสแตนดาร์ดออย (Standard Oil) หลังจากที่ร็อกกี้เฟลเลอร์ ได้ทราบข่าวจากซามูเอล แอนดรูวส์ ซึ่งเป็นนักเคมีว่าพบแหล่งน้ำมันจำนวนมากบริเวณทางตะวันตกของรัฐเพนซิลเวเนีย และบางส่วนในบริเวณมลรัฐแถบมิดเวสต์

ร็อกกี้เฟลเลอร์พร้อมกับนักลงทุนรายอื่น ๆ จึงก่อตั้งบริษัทน้ำมันสแตนดาร์ดออย โดยยุคนั้นถือเป็นบริษัทแรกของโลกที่นำวิธีการกลั่นรูปแบบใหม่มาใช้ที่เรียกว่า "การกลั่นแบบลำดับส่วน" หรือ Fractional distillation ที่ ซามูเอล แอนดรูว์สเป็นผู้คิดค้น ทำให้บริษัทช่วงชิงความได้เปรียบจากบริษัทพลังงานรายอื่น ๆ จากความสามารถผลิตน้ำมันต่อวันในปริมาณมาก

ในช่วงทศวรรษที่ 1880  เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงพุ่งทะยาน หลายอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตในจำนวนมาก ๆ ต่างเปลี่ยนจากพลังงานฐานหิน มาใช้พลังงานน้ำมันกันเป็นจำนวนมาก นั้นทำให้สแดนดาร์ทออยภายใต้การบริหารของร็อกกี้เฟลเลอร์ มุ่งเน้นธุรกิจไปที่การกลั่นน้ำมันเป็นหลัก

แม้ว่าในเวลานั้นสแตนดาร์ทออยจะมีคู่แข่งหลายราย แต่สแตนดาร์ดออย ก็ค่อย ๆ ผงาดมีอำนาจเหนือตลาดในอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันและขยายฐานสัดส่วนค้าปลีกน้ำมันในสหรัฐอเมริกาผ่านการควบรวมกิจการแบบแนวนอน (Horizontal Integration) ที่สแตนดาร์ทออยขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการบริษัทพลังงานขนาดเล็กกว่า 

ไม่นานสแดนดาร์ดออยก็กลายเป็นกลุ่มทุนพลังงานที่ผูกขาดกิจการค้าปลีกน้ำมันในสหรัฐอเมริกาเกือบ 90% ผ่านการควบรวมกิจการบริษัทหลายแห่ง ท่ามกลางความต้องการน้ำมันจำนวนมหาศาลทั้งในด้านอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า ร็อกกี้เฟลเลอร์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สแดนดาร์ทออยกลายเป็นมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลและร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ โดยประเมินว่าเมื่อปี 1913 ร็อกกี้เฟลเรอร์ มีทรัพย์สินร่ำรวยไม่น้อยกว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเกือบ 3% ของ GDP สหรัฐซึ่งมีมูลค่า 39.1 พันล้านเหรียญในช่วงเวลานั้น ซึ่งหากเทียบกับยุคปัจจุบันร็อกกี้เฟลเลอร์จะเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีโลกที่มีทรัพย์สินร่ำรวยถึง  24.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

เอสโซ่,น้ำมัน,ปั้ม,พลังงาน,Esso

Standard Oil สู่ Esso

ปี 1911 รัฐบาลสหรัฐได้ยื่นฟ้องสแดนดาร์ดออย จากการที่บริษัทมีอำนาจเหนือตลาดผู้ขาดความสามารถการแข่งขันในอุตสาหกรรมพลังงาน จากการที่หลายบริษัทในเครือสแตนดาร์ดออย ผูกขาดบูรณาการอุตสาหกรรมน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การสำรวจน้ำมันและการจ่ายน้ำมันดิบ และส่งต่อไปสู่การขายปลีกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการกลั่นไปยังร้านค้าและสถานีบริการทั่วสหรัฐฯ รวมถึงการลดราคาและการคุกคามซัพพลายเออร์และผู้จัดจำหน่ายที่ทำธุรกิจกับคู่แข่งของสแตนดาร์ดออย รัฐบาลสหรัฐได้ใช้อำนาจผ่านกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของเชอร์แมน (Sherman Antitrust Act) ยื่นฟ้อง

กระทั่ง 15 พฤษภาคม 1911 ศาลฏีกาสหรัฐฯ ได้มีมติตัดสินว่าบริษัทสแดนดาร์ดออยกระทำผิดละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด พร้อมทั้งงสั่งให้บรรดาบริษัทในเครือสแตนดาร์ดออย แยกตัวออกเป็นบริษัทหลายแห่ง ขณะที่ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นหลายคนรวมถึงร็อกกี้เฟลเลอร์ถูกสั่งปรับเป็นเงินมหาศาล

คำสั่งศาลที่ให้แยกบริษัทในเครือของสแตนดาร์ทออยออกเป็นอิสระ ส่งผลให้เกิดบริษัทพลังงานที่แตกออกมาเป็น 34 บริษัท ในจำนวนนี้ปัจจุบันล้วนเป็นบริษัทที่เราคุ้นชื่อกันอยู่หลายราย อาทิ ExxonMobil, Chevron, ConocoPhillip, Marathon Petroleum, Phillip 66 และ US Steel

สำหรับ ExxonMobil ปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทพลังานสัญชาติสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชารติและน้ำมันปิโตรเลียม มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส เคยถูกจัดอยู่ในอันดับ 3 ของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดโดยเว็บไซต์ฟอร์จูนโกลบอล 500 จากนิตยสารฟอร์จูนในปี 2016 ทว่าปัจจุบัน  ExxonMobil หลุดโผ 10 อันดับ ฟอร์จูนโกลบอล 500 ประจำปี 2022 เป็นที่เรียบร้อยและถูกแทนที่ด้วย China National Petroleum ของรัฐบาลจีน

TAGS: #พลังงาน #น้ำมัน #เอสโซ่ #Esso #บางจาก