"แกนนำแห่งการต่อต้าน" ใครคือพันธมิตรของอิหร่านสู้อิสราเอลและตะวันตก?
1. คำว่า "อักษะแห่งการต่อต้าน" หรือ "แกนนำแห่งการต่อต้าน" (Axis of Resistance) หมายถึงกลุ่มต่อต้านตะวันตก, ต่อต้านอิสราเอล และต่อต้านซาอุดิอาระเบีย เป็น "แกน" หรือ "อักษะ" (หมายถึงแนวร่วมขบวนการที่มีสถานะเท่ากัน) ที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง
- อิหร่าน
- กลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์
- รัฐบาลซีเรีย
- กลุ่มติดอาวุธฮิซบุลลอฮ์ของเลบานอน
- กองกำลังติดอาวุธชาติอาหรับ ที่สนับสนุนซีเรีย
- กองกำลังติดอาวุธชีอะห์ในอิรัก
- ขบวนการฮูษีในเยเมน
จะเห็นได้ว่าสมาชิกของ "แกนนำแห่งการต่อต้าน" มีอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน เช่น อิหร่านเป็นมุสลิมนิกายชีอะฮ์รัฐอิสลาม, กลุ่มชาตินิยมอาหรับที่เป็นซุนนี, รัฐบาลซีเรียเล่นการเมืองทางโลกไม่เน้นศาสนา กลุ่มฮูษีเป็นมุสลิมชีอะฮ์ในเยมนที่ต่อสู้กับรัฐบาลเยมนที่เป็นซุนนี และกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์เป็นมุสลิมซุนนี
2. แม้จะมีความเชื่อทางศาสนาและอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันไปคนละทิศคนละทาง แต่ "แกนนำแห่งการต่อต้าน" ก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้โดยวัตถุประสงค์ที่ประกาศไว้ คือ มุ่งต่อต้านกิจกรรมของกลุ่มที่สนับสนุนตะวันตก ต่อต้านรัฐอิสราเอล เป็นอริกับรัฐอ่าวอาหรับ เช่น ซาอุดีอาระเบียและอื่นๆ ที่มีท่าทีเป็นมิตรกับตะวันตกหรืออิสราเอล พวกเขายังสู้กับกลุ่มติดอาวุธซุนนีที่ไม่ลงรอยกัน และกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายในภูมิภาคตะวันออกกลาง
3. ในตอนแรก พันธมิตรประกอบด้วยรัฐบาลซีเรียและกลุ่มฮิซบุลลอฮ์เลบานอน ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล หลายปีต่อมา อิหร่านเข้าร่วมเป็นแกนนำด้วย ซึ่งอิหร่านนั้นมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับซีเรียและฮิซบุลลอฮ์อยู่แล้ว ด้วยพื้นเพนี้เออิหร่านจึงสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสาม ทำให้เกิด "แกนนำ" หรือ "อักษะ" ขึ้นมา โดยมีกลุ่มติดอาวุธในอิรักและเยเมนที่นับถือนิกายชีอะฮ์ ที่ประสานงานกับอิหร่านที่เป็นแกนนำมุสลิมชีอะฮ์ เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดของพันธมิตรนี้
4. เป้าหมายหลักๆ ของ "แกนนำแห่งการต่อต้าน" ในช่วงแรกยังคงเน้นที่ศัตรูในภูมิภาค คืออิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย จนกระทั่งมันเริ่มเกี่ยวพันกับมหาอำนาจโลกมากขึ้น หลังจากเกิดสงครามกลางเมืองในซีเรีย โดยรัสเซียเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในสงครามกลางเมืองในซีเรียในฐานะผู้สนับสนุนรัฐบาลซีเรีย ส่วนชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐสนับสนุนฝ่ายกบฏในซีเรีย
5. รัสเซียจะกลายเป็นสมาชิกใหม่ของ "แกนนำแห่งการต่อต้าน" หลังจากที่มีโปสเตอร์จำนวนหนึ่งที่แสดงภาพของนัสรุลลอฮ์ ผู้นำกลุ่มธฮิซบุลลอฮ์, อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย, คาเมเนอี ผู้นำอิหร่าน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ปรากฏขึ้นพร้อมคำบรรยายภาษาอาหรับที่มีความหมายว่า "บุรุษผู้ไม่เคารพใคร นอกจากพระเจ้า"
6. คำว่า "บุรุษผู้ไม่เคารพใคร นอกจากพระเจ้า" สะท้อนว่าผู้นำทั้งสี่คนแม้ว่าจะต่างศาสนาและจุดยืนทางการเมือง (ปูติน เป็นผู้สนับสนุนศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอด็อกซ์ และชาวอาหรับคริสเตียนในตะวันออกกลางจำนวนมากก็เป็นยออร์ทอด็อกซ์ ส่วนอัสซาดเป็นมุสลิมนิกายอะละวี) แต่ในเมื่อมีศัตรูเดียวกัน คือ ชาติตะวันตก พวกเขาก็พร้อมที่จะร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม ศัตรูย่อยๆ ของกลุ่มนี้ก็แตกต่างกันไปด้วย เช่น รัสเซียไม่ได้มีปัญหากับอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย
7. แม้ว่าขบวนการชาวปาเลสไตน์เป็นมุสลิมซุนนี แต่บางครั้งฮามาสก็ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของแกนนี้เนื่องจากการต่อต้านอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 ฮามาสได้ถอนสำนักงานใหญ่ของตนออกจากกรุงดามัสกัสอขงซีเรีย และหันมาสนับสนุนกลุ่มในซีเรียที่ต่อต้านอัสซาด อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 กลุ่มฮามาสได้ฟื้นความสัมพันธ์กับซีเรียหลังจากการปรองดองโดยอิหร่านเป็นผู้ไกล่เกลี่ย
8. แม้จะมีศัตรูแตกต่างกันไปแล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละประเทศ แต่เมื่อพูดถึงการต่อสู้ที่สำคัญในภูมิภาค ก็คือ ความขัดแยังกับอิสราเอล ซึ่งไม่ใช่แค่อิสราเอกกับปาเลสไตน์เท่านั้น แต่เลบานอนก็มีปัญหากับอิสราเอล ซีเรียก็มีความขัดแย้งกับอิสราเอล และล่าสุด อิสราเอลยังโจมตีเป้าหมายในซีเรียเรื่อยๆ หลังทำสงครามกับฮามาสในเดือนตุลาคม 2566
9. ดังนั้น "แกนนำแห่งการต่อต้าน" มีหลักการเดียว นี่นั่นคือ "ใครทำสหายเรา เท่ากับทำกับเราด้วย" อย่างที่ ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ ผู้นำฮิซบุลลอฮ์กล่าวว่า "...เราพิจารณาว่าการโจมตีใดๆ ต่อซีเรียถือเป็นการโจมตีต่อแกนต่อต้านทั้งหมด ไม่ใช่แค่ต่อซีเรียเท่านั้น"
10. และล่าสุดในความขัดแย้งระหว่างฮามาสกับอิสราเอลที่เริ่มจะลุกลามเข้าไปทุกที อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เตือนว่าหากอิสราเอลยังคงทำสงครามกับกลุ่มฮามาสต่อไป ความรุนแรงจะขยายวงไปทั่ว โดยเตือนว่า “มุสลิมและกองกำลังต่อต้านจะหมดความอดทน และไม่มีใครสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้”
11. และกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนและซีเรียก็ทำแบบนั้นจริงๆ โดยยิงจรวดเข้าสู่ดินแดนอิสราเอล และต่อมามีรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 เครื่องบินรบของอิสราเอลโจมตีเครื่องยิงจรวดในซีเรียและเป้าหมายของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอน เพื่อตอบโต้การโจมตีดังกล่าว
12. ส่วนสหรัฐฯ ยังได้ดำเนินการโจมตีซีเรียเพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยจรวดและโดรนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วต่อกองกำลังของสหรัฐฯ ในซีเรียและอิรัก ซึ่งสหรัฐฯ ชี้ว่าเป็นผลงานของกลุ่มติดอาวุธที่ทำ "สงครามตัวแทน" โดยได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน นั่นคืออิหร่านใช้กลุ่มเหล่านี้รบกับสหรัฐฯ แทนตัวเอง
ภาพประกอบข่าว - ภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยสำนักงานสื่อของกองทัพบกอิหร่านเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2566 แสดงให้เห็นนักบินคนหนึ่งชูนิ้วแสดงสัญลักษณ์แห่งชัยชนะระหว่างการซ้อมรบในจังหวัดอิสฟาฮาน ทางตอนกลางของอิหร่าน (Photo by Iranian Army office / AFP)