อังกฤษพบสัดส่วนเยาวชนป่วยจิตเวชจนต้องใช้ยารักษา เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในเวลา 2 ทศวรรษ

นักวิจัยจากสถาบันแห่งชาติเพื่อความเป็นเลิศทางคลินิกแห่งสหราชอาณาจักร (Nice) เผยว่า พบสัดส่วนเด็กและเยาวชนที่ต้องใช้ยารักษาอาการทางจิตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วงเวลา 20 ปี โดยนักวิจัยระบุว่า เมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์ของเด็กทีมีความจำเป็นต้องรับยารักษาทางจิตเวชในปี 2000 อยู่ที่ราว 0.06% แต่สัดส่วนนี้เพิ่มเป็น 0.11% ในปี 2019 แม้ว่ายากลุ่มดังกล่าวจะยังไม่มีผลพิสูจน์ด้านความปลอดภัยในเด็กก็ตาม

ทีมนักวิจัยอังกฤษระบุว่า การใช้ยารักษาจิตเวชในเด็กบางประเภท อาจส่งผลข้างเคียงในระยะยาวที่ร้ายแรงได้ เช่น ความผิดปกติทางเพศ ภาวะมีบุตรยาก และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นซึ่งนำไปสู่โรคเบาหวาน

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The Lancet Psychiatry พบว่า เด็กและวัยรุ่นในอังกฤษราว 7.2 ล้านคน ที่มีอายุระหว่าง 3 ถึง 18 ปี พบว่ามีความจำเป็นต้องใช้ยาทางด้านจิตเวชเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 0.06% ในปี 2000 เป็น 0.11% ในปี 2019

แม้ว่าเปอร์เซ็นต์โดยรวมของเด็กที่จำเป็นต้องได้รับยารักษาจะค่อนข้างน้อยก็ตาม เมื่อเทียบกับอัตราประชากรเด็กและวัยรุ่นในส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามการศึกษานี้ยังรวมถึงการใช้ยารักษาเด็กในกลุ่มที่มีอาการออทิสติกด้วย

ผลการศึกษาเดียวกันยังพบว่า เด็กผู้ชายและเด็กโตอายุระหว่าง 15 ถึง 18 ปีมีแนวโน้มที่จะได้รับยารักษาโรคจิตมากกว่าเด็กผู้หญิงและเด็กเล็ก 

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้นักวิจัยก็แสดงความกังวลว่าการใช้ยารักษาจิตเวชที่เพิ่มขึ้นนั้น อาจส่งผลต่อความปลอดภัยในเด็กซึ่งพัฒนาการยังไม่สมบูรณ์เต็มที่เหมือนกับวัยผู้ใหญ่ ดร.แมทเธียส เพียร์ซ นักวิจัยอาวุโสแห่งศูนย์สุขภาพจิตสตรีแห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ กล่าวว่า "การศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงในการสั่งจ่ายยารักษาจิตเวชในเด็กและวัยรุ่น แต่เราไม่คิดว่าการวิจัยนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการสั่งจ่ายยาที่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มที่จะสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการสั่งจ่ายยาโดยแพทย์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้จะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินการสั่งจ่ายยารักษาด้านจิตเวชแก่เด็กได้อย่างเต็มที่มากขึ้น และจะกระตุ้นให้พวกเขาพิจารณาถึงทางเลือกที่ดีกว่า”